เมื่อคนทำ Freelance เปรียบเสมือน Cloud Computing

25-ส.ค.-17

คัมภีร์เทพ IT

        สำหรับบทความนี้เขียนโดยคุณ Phil Strazzulla หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์ขนาดเล็กใน Boston ซึ่งเป็น GUEST WRITER ของเว็บไซต์ entrepreneur.com ได้เขียนมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มของการจ้างงานว่า เรากำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของการทำงานและในอนาคตจะมี Freelancer มาทำงานแทนพนักงานประจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพวกเขาสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ รูปแบบการจ้างงานแบบใหม่นี้ทำให้นึกถึงระบบ Cloud Computing ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบเดิมๆ ไปเลยทีเดียว

 

        Phil Strazzulla เริ่มบริษัทของเขาโดยการจ้างงานคนในพื้นที่เข้ามาเป็นพนักงานในแผนกต่างๆ ได้แก่ Sales, Marketing, Engineering และทีม Support เมื่อบริษัทกำลังขยายตัว คนอื่นๆ อาจนึกถึงการระดมทุนหรือการจ้างีมงานมืออาชีพในท้องถิ่นมากขึ้น แต่เขากับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทคนอื่นกลับเริ่มนึกถึงการจ้างงานรูปแบบที่พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องมานั่งทำงานที่ออฟฟิศ (Remote worker) ด้วยเหตุผลที่ว่า

 

ข้อดีของการจ้างงานแบบ Freelance

  • มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาก
    การจ้างพนักงานใน Boston ต้องจ่ายเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงให้กับพนักงาน ถึงแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนก็ตาม เพราะด้วยค่าครองชีพที่สูงลิ่วในเมืองนี้ และตลาดงานก็มีการแข่งขันสูง มีทางเดียวที่บริษัท Startup จะไปสู้กับบริษัทดังๆ ได้คือ ค่าตอบแทนที่มากกว่า

     
  • จ้างงานคนเก่งๆ ได้จากทุกที่
    ที่ Upwork.com คุณสามารถหา Freelancers เก่งๆ หลากหลายสาขาวิชาชีพจากทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ใน South Dakota, Omaha, Belarus ฯลฯ บริษัทต่างๆ อย่าง Zapier เองก็ได้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสนใจด้วยการจ้างงานแบบ Remote worker ซึ่งทำให้สามารถจ้างคนที่มีความสามารถได้จากทั่วโลก

     
  • พนักงานเองก็ได้รับประโยชน์
    คนยุคนี้ชอบลักษณะงานที่สามารถทำจากที่ไหนก็ได้ อย่างบริษัท Automatic เองก็ได้ปิดสำนักงานที่ San Francisco เพราะไม่มีพนักงานเข้ามาทำงานที่ออฟฟิตเลย การทำงานจากที่ไหนก็ได้และรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้เป็นวิธีดึงดูดคนที่มีเก่งๆ มาร่วมงานด้วยได้ดีเยี่ยม

     
  • ถือเป็นผลประโยชน์สำหรับผู้ก่อตั้งด้วย
    ผมกำลังเขียนเรื่องนี้ขณะอยู่ที่ LA ผมจะทำงานจากที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อเยี่ยมเพื่อนฝูงและประชุมงานกับลูกค้า การที่ไม่มีพนักงานในออฟฟิต ก็ช่วยให้ผู้ก่อตั้งบริษัทมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้นเช่นกัน

 

        ถึงแม้มีข้อดีหลายข้อ แต่ก็แน่นอนว่ายังมีข้อเสียและความท้าทายหลายอย่าง เช่น คุณจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งได้อย่างไร? คุณจะพัฒนาพนักงานของคุณได้อย่างไร? เราสามารถจ้างงานทุกตำแหน่งแบบ Remote worker ได้ไหม? Phil เองก็มีข้อสงสัยเหมือนกันว่า เขาจะสามารถจัดการเรื่องเกี่ยวกับงานขายได้มากน้อยแค่ไหน เขาแน่ใจถึง 90% ว่าคงไม่สามารถพัฒนาธุรกิจและพัฒนางานด้านการขาย เช่น การโทรหาลูกค้าจาก Remote worker ได้เ เขาให้ความเห็นว่า งานลักษณะนี้จำเป็นที่ทุกคนในทีมควรทำงานอยู่ด้วยกันเพราะยังมีประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การ coaching ทีมงาน และการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจอย่างต่อเนื่อง

 

เปลี่ยนรายจ่ายด้านต้นทุน เป็นค่าบริหารจัดการ

        ระบบคลาวด์คอมพิวติ้งทำให้พนักงาน 1,099 คน นั่งทำงานจากที่ไหนก็ได้ ช่วยเพิ่มข้อได้เปลี่ยนทางธุรกิจ คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและปรับเปลี่ยนต้นทุนธุรกิจไปตามสถานการณ์ เช่น การใช้ AWS (Amazon Web Services) คุณสามารถเริ่มจากการเช่า Server เพียง 30 เหรียญต่อเดือน และสามารถปรับเพิ่มเป็น 500 หรือ 5,000 เหรียญต่อเดือนตามโครงการทางธุรกิจของคุณในขณะนั้น คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ Hardware มูลค่า 5,000 เหรียญต่อเดือน และคาดหวังว่าจะใช้งานมันได้สัก 90 % ของ capacity ของมัน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมการใช้งานไม่ให้เกินด้วย

 

        ลองเปรียบเทียบดูว่า ถ้าบริษัทต้องการพนักงานดูแลลูกค้าเพิ่ม การจ้างใครก็ได้ที่สามารถทำงานให้องค์กรได้ 10-15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เทียบกับการมุ่งหาพนักงานประจำใน Boston ที่มีอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงที่สูงกว่า แน่นอนว่าการจ้างงาน Freelance/Remote worker ดูจะยุ่งยากน้อยกว่าและมีความยืดหยุ่นที่มากกว่า เพราะการเพิ่มหรือลดพนักงานในองค์กรเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน เพราะมันมีผลต่อการปรับเปลี่ยนทั้งการ Training วัฒนธรรมองค์กร และเรื่องอื่นๆ ตามมาด้วย

 

        นอกจากนี้ ยังมี Expert ในงานด้านต่างๆ ที่คุณสามารถจ้างได้ เมื่อคุณต้องการขยายงานไปทั่วโลก เปรียบได้กับ Built-in ฟังก์ชันของแพลตฟอร์มอย่าง AWS (autoscaling, analytics ฯลฯ ) มี Expert มากมายที่มีความรู้เรื่อง Customer Support, Email Marketing, Web Development ฯลฯ ยังมี Marketplaces เช่น Upwork ที่ทำให้การจ้างงานสามารถทำได้ง่ายขึ้น มีทั้งบทวิจารณ์และประวัติการทำงานโดยละเอียด เพื่อช่วยให้คุณสามารถหาคนได้อย่างรวดเร็วขึ้น

 

        ความคิดที่ว่า “คนสามารถทำงานได้อย่างเครื่องจักร” นั้น อันตรายมาก การมีวัฒนธรรมองร์กรที่ไม่แข็งแกร่ง ขาดการพัฒนาความเชี่ยวชาญในสายอาชีพและการให้คำปรึกษา มันจะส่งผลอย่างจากกับความรู้สึกของคนในองค์กร และแน่นอนว่า ผลลัพท์ในการทำงานย่อมไม่ดีตามไปด้วย พนักงานที่ทุ่มเททำงานให้คุณ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จากสาขาย่อย ก็ต้องการหัวหน้างานที่ใส่ใจและดูแลด้วยเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่ดีที่พนักงานจะเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรและระบบการทำงานซึ่งกันและกัน

 

แนวทางในอนาคต

        Phil ได้ทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวเขาสนใจแนวทางการจ้าง Remote worker มาก ซึ่งวิธีนี้เขาสามารถทำงานจากที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้างว่า จะบริหารจัดการองค์กรอย่างไหร่ ถ้าออฟฟิศไม่มีพนักงานนั่งทำงานที่เขาจะสามารถเข้ามาทักทายเพื่อนร่วมงานได้ในทุกวัน อย่างไรก็ดี ตอนนี้บริษัทของ Phil ได้จ้างงาน Freelance ให้มาดูแลงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะสูง และมันก็ดูจะมีประสิทธิภาพเอามากๆ แต่ในอนาคตการจ้างงาน Remote worker ในงานส่วนที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น และขยายออกไปทุกแผนกขององค์กรจะเป็นไปได้หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องคอยดูกันต่อไป

 

        บทความนี้ ทีมงาน TechStar มุ่งให้ผู้อ่านเห็นว่า ปัจจุบันแนวโน้มต่างๆ ของโลกกำลังเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเพราะความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไม่เว้นแม้แต่รูปแบบของการจ้างงาน แล้วคนไอทีล่ะ ได้เตรียมตัวเตรียมความพร้อมเพื่อรับกับแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงของโลกแล้วหรือยัง?

 

ที่มา: entrepreneur.com

 

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

 

เพิ่มเพื่อน

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง