7 Trending Open Source Tools for Backend Developers in 2025

07-Mar-25

คัมภีร์เทพ IT

See the original english version Click here!

 

Open Source Tools ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Developers ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือกำลังสร้าง Application ระดับ Enterprise เชื่อว่า Tools เหล่านี้ช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ดังนั้นบทความนี้จะมาแนะนำ 7 Open Source Tools สำหรับ Backend Developers ที่มาแรงในปี 2025 ให้คุณได้รู้จัก

1. Nitric

Nitric เป็น Framework ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ Developers สร้าง Application บน Cloud ได้ง่ายและสะดวกขึ้น มันรองรับการเขียน Code แบบ Infrastructure-as-Code (IaC) และใช้งานได้กับหลายภาษา Programming เช่น JavaScript, Python, Go และอื่น ๆ

ทำไมถึงควรใช้ Nitric:

  • Custom Providers: ปรับแต่ง Workflows ให้รองรับ Cloud Services ที่คุณต้องการได้อย่างง่ายดาย
  • รองรับ CI/CD: สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นกับ CI/CD Pipelines และ Tools ที่คุณใช้ง่านอยู่
  • Infrastructure-as-Code (IaC): รองรับ Pulumi และ Terraform เพื่อทำให้การจัดการ Infrastructure เป็นเรื่องง่าย

Nitric จะช่วยให้คุณจำลอง Cloud Environments ในเครื่องของคุณเองได้ ทำให้ Developers สามารถ Focus ไปที่การสร้าง Applications ที่ปรับขนาดได้ โดยไม่ต้องกังวลกับความยุ่งยากในการตั้งค่า Cloud

จุดเด่น: รองรับหลายภาษา Programming และ Design ที่เป็นมิตรกับ Ecosystem จะช่วยให้ทำงานร่วมกับ Tools ตัวอื่น ๆ ได้ดี เหมาะสำหรับทีมที่มี Developers หลากหลายทักษะ

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

2. Encore

Encore เป็น Backend Framework ที่ผสานรวม Infrastructure เข้ากับ Code ได้โดยตรงผ่าน Type-Safe Objects ทำให้ Developers ไม่ต้องเขียน Code ที่ซ้ำซ้อน และช่วยให้การ Develop มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จุดเด่นของ Encore:

  • ความเร็วสูง: มันถูกสร้างขึ้นด้วย Rust จึงทำให้เร็วกว่าหลาย ๆ Frameworks
  • Built-In Automation: จัดการการตั้งค่าในเครื่องของคุณแบบอัตโนมัติ และมี Tools อื่น ๆ ช่วย เช่น API Explorer และ Architecture Diagram
  • รองรับ ORMs และ Frameworks อื่น ๆ: ใช้งานร่วมกับ ORMs อย่าง Prisma และ Framework อย่าง Drizzle ได้อย่างง่ายดาย

ด้วย Encore จึงทำให้ Developers สามารถสร้าง Applications ที่เสถียรได้ โดยที่ไม่ต้องไปกังวลกับการจัดการ Distributed Systems ที่มีความยุ่งยาก

จุดเด่น: ด้วย Type-Safe Architecture จึงช่วยลดโอกาสเกิด Bugs และ Automation Features ที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

3. Appwrite

Appwrite เป็น Backend-as-a-Service (BaaS) Platform ที่ช่วยให้การพัฒนา Backend เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ด้วย APIs และ Tools ต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถสร้าง Applications ที่ปลอดภัยและปรับขนาดได้ง่ายขึ้น

Features เด่น ๆ ของ Appwrite:

  • Authentication: รองรับการ Login หลากหลายวิธี ตั้งแต่ Email/Password ไปจนถึง Magic Links และ OAuth
  • Database Management: จัดการ Databases ที่ปรับขนาดได้ พร้อมระบบ Permissions และ Validation ขั้นสูง
  • Serverless Functions: ปรับแต่ง Backend Functionality ได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ Runtime หลายชุด

Appwrite จะช่วยลดภาระในการจัดการ Backend Infrastructure ทำให้ Developers สามารถ Focus ไปที่การสร้าง App Features ได้มากขึ้น

จุดเด่น: มันใช้งานง่าย เหมาะกับ Developers ทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

4. Manifest

Manifest เป็น BaaS Platform ที่ไม่ซ้ำใครซึ่งช่วยให้การตั้งค่า Backend เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ โดยใช้เพียง YAML แค่เพียง File เดียว

จุดเด่นของ Manifest:

  • Configuration ได้ง่าย: กำหนดได้ทุกอย่างตั้งแต่ Database Schemas, Authentication และอื่น ๆ ได้ใน YAML เพียง File เดียว
  • รองรับ Frontend หลายตัว: ใช้งานร่วมกับ Frontend Frameworks ยอดนิยม เช่น React และ Vue ได้อย่างราบรื่น
  • มี Admin Panel: Admin Interface ที่ใช้งานง่ายสำหรับจัดการ Users, Data และการตั้งค่า Backend

Manifest เหมาะสำหรับ Developers ที่ต้องการสร้างและจัดการ Applications ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่า Backend แบบเดิม ๆ

จุดเด่น: ช่วยลดข้อผิดพลาดในการตั้งค่า และช่วยให้ Develop ได้เร็วขึ้นโดยไม่กระทบกับความยืดหยุ่น

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

5. Nhost

Nhost เป็น Backend Platform แบบ Open-Source ที่ถูกออกแบบมา เพื่อช่วยให้ Developers สร้างและปรับขนาด Applications ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องจัดการ Infrastructure ให้ยุ่งยาก

ทำไมต้องใช้ Nhost:

  • PostgreSQL Database: รองรับการจัดเก็บ Data ที่เสถียรและสามารถปรับขนาดได้ง่าย
  • GraphQL API: เข้าถึง Database Schema ได้แบบ Real-Time ทำให้โต้ตอบกับ Data ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  • ระบบ Authentication: รองรับ Role-Based Permissions เพื่อความปลอดภัยของ Applications

ไม่ว่าคุณจะสร้าง Web App ขนาดเล็ก หรือ Project ขนาดใหญ่ก็ตาม Nhost มี Tools ที่ครบถ้วนซึ่งช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ

จุดเด่น: มันใช้งานง่าย ปรับขนาดได้ดี และช่วยให้ Backend Developers ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

6. Supabase

Supabase เป็นทางเลือก Open-Source สำหรับใช้งานแทน Firebase ได้ มันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ Developers สร้าง Applications ที่ทันสมัย ปรับขนาดได้ และรองรับการทำงานแบบ Real-Time ได้อย่างง่ายดาย โดยเป็น Backend-as-a-Service (BaaS) Platform ที่มี Tools และ Services ที่ครบครันเพื่อการพัฒนา Application ที่ราบรื่น

Features หลัก:

  • Authentication: รองรับ User Authentication แบบ Built-in ที่มีความปลอดภัยและสามารถปรับแต่งได้
  • Database Management: ใช้ PostgreSQL เพื่อประสบการณ์การจัดการ Database ที่เชื่อถือได้ ปรับขนาดได้ และใช้งานได้ง่ายสำหรับ Developer
  • Real-time Capabilities: รองรับการอัปเดต Data แบบ Real-Time เหมาะสำหรับ Applications ที่ต้องการการทำงานร่วมกันและ Data ที่มีการอัปเดตตลอดเวลา

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

7. Prisma

Prisma เป็น Database Toolkit แบบ Open-Source ที่ทันสมัย ที่จะช่วยให้ Developers สามารถเข้าถึงและจัดการ Database ได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถสร้าง Applications ที่แข็งแกร่งและปรับขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Features ที่โดดเด่น:

  • Type-Safe ORM: มาพร้อมระบบ Object-Relational Mapping (ORM) ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Database มีความปลอดภัยและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในขณะ Runtime
  • Powerful Query Builder: มี Query Interface ที่ใช้งานง่ายสำหรับการเรียกใช้และจัดการข้อมูลใน Database
  • Declarative Approach: ทำให้การออกแบบและการจัดการ Database Schema ด้วย Declarative Syntax ทำให้การ Develop เป็นระบบและรวดเร็วขึ้น

เยี่ยมชม GitHub ที่นี่

สรุป

และนี่ก็เป็น 7 Open Source Tools สำหรับ Backend Developers ที่มาแรงในปี 2025 หากคุณเป็น Backend Developer ที่กำลังมองหา Open Source Tools ที่ใช้งานง่าย ทรงพลัง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ Development เชื่อว่า 7 Tools นี้ คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดและเรียนรู้ไว้

ที่มาhttps://blog.stackademic.com/

 

 

รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

เพิ่มเพื่อน

 

บทความล่าสุด