ประสบการณ์จริงไม่อิงตำราจาก SA รุ่นเก๋า
08-มิ.ย.-16
IT Insider
- มองในมุมของ user พอๆ กับในมุมของ developer
ไม่ว่าเทคโนโลยีสุดยอดอลังการแค่ไหน มันแทบจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาหรือทำให้ประสบการณ์การใช้งานของ user ดีขึ้น
- แยกให้ออกระหว่าง “ระบบที่จำเป็นต้องมี” VS “ระบบที่มีหรือไม่มีก็ได้”
ยกตัวอย่าง ถ้าการเพิ่ม features เสริมเข้ามาอีก 10% จะทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ต้องแจ้งให้นายจ้างรับรู้ถึงผลกระทบนี้ (ขีดเส้นใต้ไว้เลย!) และรับผิดชอบกับการตัดสินใจนี้ เพราะถ้าโปรเจคใช้เวลานานเกินความจำเป็น บริษัทจะเสียหายและไม่เกิด ROI สุดท้ายคุณเองที่จะถูกตำหนิ
- อัพเดทและพัฒนาทักษะด้านไอทีอยู่เสมอ
เมื่อรับ requirements ของ user มาแล้ว ก่อนที่คุณจะกำหนด specs ให้ programmer คุณจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องศักยภาพและข้อกำจัดของเทคโนโลยีใหม่ๆ รู้ว่าเทคโนโลยีไหนที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ มันช่วยให้คุณคุยกับโปรแกรมเมอร์รู้เรื่องและเขาจะเคารพคุณ
- วางตัวเป็นพวกเดียวกับทั้ง user และ programmer
ทำให้เค้ารู้สึกว่า คุณมาช่วยแก้ปัญหา คุณจะได้รับความร่วมมือเมื่อคุณต้องการข้อมูลจากพวกเขา เพื่อให้งานอยู่บนพื้นฐานระหว่างความต้องการของลูกค้าและความเป็นจริงที่สามารถทำได้ แต่ถ้าคุณวางตัวอยู่ฝั่งตรงข้าม แทนที่จะได้งาน ดีไม่ดีอาจได้วางมวยแทน
- คิดบวก มองปัญหาให้เป็นเรื่องท้าทาย
ถึงแม้จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างความต้องการของลูกค้าและสิ่งที่ developer สามารถตอบสนองได้ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงลำบาก พยายามมองเรื่องนี้ให้เป็นสิ่งท้าทายที่จะช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาของคุณ เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าในตัวคุณในสายอาชีพ SA
คำแนะนำจาก: แคทลียา ธงชัยเวชรัตน์
Oracle Functional Consultant at Hitachi Consulting (Thailand) Ltd.
หมายเหตุ: รุ่นพี่คนไหนมีเรื่องราวไอทีดีๆอยากแบ่งปัน สามารถอีเมล์มาที่ itrockstar@techstarthailand.com
อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ
อัพเดทงาน SA ก่อนใคร ลงทะเบียน คลิกที่นี่
หางาน SA คลิกที่นี่