8 แนวโน้มเทคโนโลยีและงาน สำหรับปี 2019

09-ม.ค.-19

คัมภีร์เทพ IT

หากจะพูดถึงเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 เราจะเห็นว่า มีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้บางเทคโนโลยีเริ่มจะล้าสมัยไปเสียด้วยซ้ำ ถึงแม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว แต่งานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีกลับโตไม่ทันเทคโนโลยี และคนไอทีเองก็คงรู้ดีถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ดังนั้นเรามาดู 8 แนวโน้มเทคโนโลยีและงาน สำหรับปี 2019 กันดีกว่า

1. Artificial Intelligence (AI)

Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถือเป็น Trend ที่ควรจับตามองเพราะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในยุคนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและดูจะมีความแม่นยำกว่ามนุษย์ในหลายๆ เรื่องด้วยซ้ำ 

AI เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1956 จนใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันทั้ง navigation apps, streaming services, smartphone personal assistants, ride-sharing apps, home personal assistants และ smart home devices รวมทั้งด้านอุปโภคบริโภค เช่น schedule trains, assess business risk, predict maintenance และ improve energy efficiency

นอกจากนี้ AI ยังเกี่ยวกับเรื่อง Automation ซึ่งเป็นหัวข้อที่ถูกอ้างอิงถึงการเข้ามาแทนที่ในบางอาชีพ มีผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า Automation อาจเข้ามาแทนงานได้กว่า 73 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030 แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างงานที่เกี่ยวกับ AI ด้วยเช่นกัน มีคนการคาดการณ์ว่า จะมีงานเกี่ยวกับ AI ถึง 23 ล้านตำแหน่งในปี 2020 ซึ่งประกอบด้วยงานด้าน development, programming, testing, support และ maintenance ซึ่งรวมถึง Artificial Intelligence architect ด้วย จนบางคนบอกว่าในไม่ช้ามันจะเทียบเคียงกับ Data scientist ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง

2. Machine Learning

สำหรับ Machine Learning จะถูกตั้งโปรแกรมให้เรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่ไม่ได้ตั้งโปรแกรมให้ทำ โดยจะเรียนรู้เพื่อให้พบรูปแบบและข้อมูลในเชิงลึกจากข้อมูล โดยทั่วไปเรามีการเรียนรู้สองประเภทคือ Supervised และ Unsupervised ขณะที่ Machine Learning เป็นส่วนหนึ่งของ AI แต่ใน Machine Learning ก็มี neural networks, natural language processing (NLP) และ deep learning เป็นสาขาย่อยเช่นกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในเรื่องตำแหน่งงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางอีกด้วย

Machine Learning ถูกนำไปใช้อย่างรวดเร็วในหลาย Industry ซึ่งทำให้เป็นที่ต้องการคนที่มีทักษะสูงในด้านนี้ มีการคาดการณ์ว่าตลาด Machine Learning จะเติบโต 8.81 พันล้านเหรียญภายในปี 2022 Machine Learning Applications จะถูกใช้ในเรื่อง data analytics, data mining และ pattern recognition นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในเรื่อง web search results, real-time ads และ network intrusion detection ได้อีกด้วยซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่มันสามารถทำได้เท่านั้น

3. Robotic Process Automation (RPA)

เช่นเดียวกับ AI และ Machine Learning, Robotic Process Automation ก็ถือเป็นอีกเทคโนโลยีที่ทำงานในลักษณะ Automation โดย RPA คือการใช้ software เพื่อทำ Business process แบบอัตโนมัติ เช่น interpreting applications, processing transactions, การจัดการกับ data และแม้แต่การตอบกลับอีเมล์ RPA จะช่วยทำงานที่มนุษย์ทำแบบซ้ำๆ ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานของ low-paid worker เท่านั้น แต่มีถึง 45% ของกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำสามารถทำแบบ Automate ได้ รวมไปถึงงานของ Financial Manager, Doctor และ CEO ด้วยซ้ำ

แม้ Forrester Research จะประเมินว่า RPA automation จะกระทบต่อคนถึง 230 ล้านคนหรือ 9% ของคนทำงานทั่วโลก แต่ RPA ก็สร้างงานใหม่ในขณะที่เปลี่ยนแปลงงานเดิมที่มีอยู่ McKinsey พบว่า น้อยกว่า 5% ของอาชีพทั้งหมดสามารถทำเป็น Automate ได้ทั้งหมด แต่ประมาณ 60% สามารถใช้เป็น Automate ได้ในบางส่วน

สำหรับคนไอทีที่กำลังมองไปถึงอนาคตและกำลังทำความเข้าใจกับ Trend ของเทคโนโลยีอยู่ RPA ก็เป็นอีกทางที่มีทางเลือกให้คุณมากมายทั้ง developer, project manager, business analyst, solution architect และ consultant และงานเหล่านี้ก็มีรายได้ที่ดีซะด้วย SimplyHired.com กล่าวว่าเงินเดือนของ RPA เฉลี่ยอยู่ที่ 73,861 เหรียญสหรัฐ แต่นั่นเป็นเพียงค่าเฉลี่ยที่รวบรวมจากเงินเดือนของ Junior Developer ไปถึง Senior Solution Architects

4. Blockchain

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrencies อย่างเช่น Bitcoin แต่ Blockchain ก็มี Security ที่มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน นิยามของ Blockchain ที่พอจะอธิบายได้ก็คือ เป็นข้อมูลที่คุณสามารถเพิ่มเข้าไปได้เท่านั้น ไม่สามารถลบหรือเปลี่ยนแปลงได้ ที่มาของคำว่า "Chain" คือคุณกำลังสร้าง “ห่วงโซ่” ของข้อมูล การที่ไม่สามารถเปลี่ยน Block ก่อนหน้าได้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้มันปลอดภัย นอกจากนี้ Blockchain ถือเป็น consensus-driven ตามที่อธิบายไว้ในบทความของ Forbes ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถควบคุมข้อมูลได้ และไม่จำเป็นต้องมี third-party ที่เชื่อถือได้ต้องมาคอยดูแลหรือตรวจสอบการทำธุรกรรม

ด้วย Security เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงใช้ Blockchain สำหรับ Cryptocurrency และมีบทบาทสำคัญในการปกป้องข้อมูล อย่างเช่น ข้อมูลทางการแพทย์ส่วนบุคคล Blockchain สามารถนำมาใช้เพื่อปรับปรุง Global Supply Chain ได้อย่างมาก รวมถึงการปกป้องทรัพย์สินอย่าง งานศิลปะและอสังหาริมทรัพย์ด้วย

Techcrunch.com ระบุว่า งานที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain เป็นกลุ่มงานที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 โดยมีการเปิดรับสมัครงาน 14 ตำแหน่งต่อ Blockchain Developer 1 คน โดย Blockchain Developer มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและ Implement สถาปัตยกรรมและ Solution โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อปีของ Blockchain Developer อยู่ที่ประมาณ 130,000 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียง Developer เท่านั้นแต่ยังคงมี Software Engineer, Consultant และ Project Manager ซึ่งงานเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่เพียงในสถาบันการเงินเพียงเท่านั้น แต่ยังอยู่ในแวดวง Retail และ Healthcare รวมทั้ง Manufacturing ในไม่ช้าอีกด้วย

5. Edge Computing

จากการจับตามองแนวโน้มของเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ Cloud computing ได้กลายเป็นแนวโน้มหลักที่สำคัญ โดยมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง AWS (Amazon Web Services), Microsoft Azure และ Google Cloud ที่ครองตลาดอยู่ ยังคงมีการนำ Cloud computing ไปใช้ ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากมีการ Migrate ไปสู่ Cloud solution และมันก็ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่อีกต่อไปแล้ว

เนื่องจากข้อมูลที่เราต้องเจอ มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของ Cloud computing ในบางสถานการณ์ Ffp Edge computing ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ หลีกเลี่ยงความล่าช้าที่เกิดจาก Cloud computing และการรับข้อมูลไปยัง Datacenter เพื่อการประมวลผล ด้วยเหตุนี้ Edge computing จึงถูกใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่มีความอ่อนไหวต่อเวลาในสถานที่ห่างไกล ที่มีข้อจำกัด หรือไม่มีการเชื่อมต่อไปยังสถานที่ที่เป็น Centralized ในสถานการณ์เหล่านั้น Edge computing สามารถทำหน้าที่เหมือน Datacenter ขนาดย่อม โดย Edge computing จะเพิ่มขึ้นตามการใช้อุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่เพิ่มขึ้น ภายในปี 2022 คาดว่า ตลาด edge computing ระดับโลก จะมีมูลค่าถึง 6.72 พันล้านเหรียญ เช่นเดียวกับตลาดที่กำลังเติบโต จึงทำให้เกิดความต้องการงานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Software Engineer

6. Virtual Reality & Augmented Reality

Virtual Reality VR) ช่วยทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนอยู่ใน environment นั้นๆ ในขณะที่ Augment Reality (AR) จะช่วยในเรื่องการยกระดับ environment ให้ดูสมจริงมากขึ้น แม้ว่า VR มักจะถูกใช้ในการเล่นเกมเป็นหลัก แต่ก็ยังถูกนำไปใช้สำหรับการ Training ได้เช่นกัน อย่าง VirtualShip (simulation software) ที่ใช้ในการฝึกกองทัพเรือสหรัฐฯ กองทัพบก และหน่วยยามฝั่ง ตัวอย่าง AR ที่เห็นได้ชัดเจนคือ Pokemon Go

ทั้ง 2 สิ่งล้วนมีศักยภาพอย่างมากในเรื่อง training, entertainment, education, marketing และแม้แต่การฟื้นฟูสมรรถภาพหลังจากได้รับบาดเจ็บ โดยการใช้ฝึกอบรมแพทย์ในเรื่องการทำศัลยกรรม เสนอประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์, สวนสนุก หรือเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการตลาดอีกด้วย

Monster.com กล่าวว่า มีความต้องการผู้สมัครงานที่มีความรู้ VR เพิ่มขึ้นถึง 37% แต่พนักงานที่มีศักยภาพกำลังขาดแคลน  และความต้องการนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้น ในตลาด VR นอกจากมีผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Google, Samsung และ Oculus แล้ว ยังมี Startup จำนวนมากที่กำลังเกิดขึ้น และพวกเขาต้องการจ้างงาน หรือกำลังพยายามหาคนอยู่ กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนคนมีความรู้ด้านนี้อยู่ การเริ่มต้นใช้งาน VR ไม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางมากนัก ทักษะ Programming ขั้นพื้นฐานและการมีความคิดล้ำหน้า ก็มีโอกาสได้ทำงาน ขณะที่มีนายจ้างหลายรายที่มองหาคนที่รู้ด้านทัศนศาสตร์ ซึ่งถือเป็นทักษะที่ต้องมีรวมทั้ง Hardware Engineer ด้วยเช่นกัน

7. Cyber Security

Cyber security แม้จะมีการพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ถือว่ามีวิวัฒนาการเช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกิดภัยคุกคามใหม่ๆ ขึ้นตลอดเวลา Hacker มีความพยายามที่จะเข้าถึงข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ และยังคงหาวิธีการเพื่อที่จะผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ยากที่สุดให้จงได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาดัดแปลงเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้สูงขึ้น ซึ่งเกิดจากความก้าวหน้าทั้งของ hardware authentication, cloud technology และ deep learning อีกทั้งยังมี data loss prevention และ behavioral analytics อีกด้วย ตราบใดที่ยังมี Hacker เราก็จะมองว่า cyber security เป็นทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ เพราะมันจะมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกัน Hacker เหล่านั้น

หลักฐานที่บ่งบอกว่ามีความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity สูง คือ จำนวนงานด้าน cybersecurity ที่เติบโตเร็วกว่างานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอื่นๆ ถึง 3 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม เรากำลังตกในภาวะลำบากในการเติมเต็มความต้องการนั้น มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2021 จะมีงานด้าน cybersecurity มากถึง 3.5 ล้านงาน ที่ไม่สามารถหาคนมาทำได้ หากใครกำลังมองหางานด้านนี้ ก็ดูจะมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตในสายอาชีพนี้อยู่พอสมควร

8. Internet of Things

แม้ว่ามันจะดูเหมือนเกมที่คุณเล่นบน smartphone แต่ Internet of Things (IoT) ก็ถือเป็นอนาคตที่สำคัญ ซึ่ง “Things” จำนวนมากถูกสร้างขึ้นด้วยการเชื่อมต่อ WiFi นั่นหมายความว่า พวกมันสามารถเชื่อมต่อผ่าน Internet และสามารถเชื่อมต่อกันเองได้ IoT ช่วยให้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน รถยนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Internet และเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของ IoT เท่านั้น: มีจำนวนอุปกรณ์ IoT ถึง 8.4 พันล้าน devices ในปี 2017 และคาดว่าจะมีถึง 30,000 ล้าน devices ในปี 2020

ในฐานะผู้บริโภค เราได้ใช้และได้รับประโยชน์จาก IoT มากมาย เราสามารถล็อคประตูบ้านจากระยะไกลกรณีที่ลืมล็อคเมื่อออกไปทำงาน และเปิดเตาอบระหว่างทางกลับบ้าน สามารถติดตามความฟิตของร่างกายใน Fitbits และเรียกรถผ่าน Lyft มีธุรกิจมากมายที่จะได้รับประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ IoT สามารถช่วยเพิ่มในเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการตัดสินใจที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล สามารใช้งานในเรื่อง predictive maintenance เพิ่มความรวดเร็วในการรักษาทางการแพทย์ ปรับปรุงการบริการลูกค้า รวมทั้งประโยชน์อีกมากมายที่เราไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามแม้จะมีประโยชน์ในการพัฒนาและการยอมรับ IoT แต่ผู้เชี่ยวชาญก็กล่าวว่า คนไอทีที่พร้อมสำหรับงาน IoT ยังคงไม่เพียงพอ บทความหนึ่งของ ITProToday.com กล่าวว่า เราต้องการพนักงานไอทีเพิ่มอีก 200,000 คนซึ่งตอนนี้ยังได้ไม่ถึงเป้าเลย และจากการสำรวจของ Engineer พบว่า 25.7% เชื่อว่าระดับทักษะที่ไม่มากเพียงพอ จะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดต่อการเติบโตของ Industry

สำหรับผู้ที่สนใจอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ IoT นั่นหมายถึง คุณสามารถเข้าสู่สายงานนี้อย่างไม่ยากนักถ้าคุณมีแรงจูงใจ พร้อมตัวเลือกมากมายสำหรับการเริ่มต้น ทักษะที่จำเป็น ได้แก่ IoT security, cloud computing knowledge, data analytics, automation, เข้าใจใน embedded systems, มีความรู้เกี่ยวกับ device ท้ายที่สุดแล้วมันคือ Internet of Things และสิ่งเหล่านั้นก็มีมากมายและหลากหลายด้วย นั่นหมายถึง การต้องมีทักษะที่หลากหลายด้วยเช่นกัน

ที่มา:  https://www.simplilearn.com/

 

 

รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

เพิ่มเพื่อน

 

บทความล่าสุด