7 Web Dev Tools ที่คุณไม่ควรพลาด ในการเรียนรู้พวกมัน
27-ก.ย.-24
คัมภีร์เทพ IT
การเลือก Web Development Tools ที่เหมาะสมอาจเป็นเหมือนการเลือกผ้าคลุมซูเปอร์ฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ คุณคงต้องการบางอย่างที่ยอดเยี่ยมและเหมาะกับ Style การเขียน Code ของคุณด้วย และบทความนี้จะมาแนะนำ 7 Web Dev Tools ที่คุณไม่ควรพลาด ในการเรียนรู้พวกมัน
1. WhatFont
คุณเคยเห็น Font เจ๋ง ๆ บน Website และอยากรู้ว่า Font นั้นชื่ออะไร บ้างไหม? แน่นอนว่าคุณมี WhatFont ซึ่งเป็น Tool สำหรับช่วยค้นหา Font
เพียงลาก Extension ไปบนข้อความใด ๆ บน Webpage เพื่อให้แสดงชื่อ Font และ Family ของมัน
ตอนนี้คุณสามารถคัดลอก Design ที่สวยงามนั้นได้โดยไม่ต้องใช้ Digital Research
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- ค้นหา Fonts บน Page ใดก็ได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว
- ค้นหา Fonts ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับแรงบันดาลใจในการ Design เพิ่มเติม
- บันทึก Fonts ที่คุณชื่นชอบเพื่อให้ค้นหาได้อย่างรวดเร็วในภายหลัง
Pro Tip:ใช้ WhatFont ร่วมกับ Color Picker Extension เพื่อจับ Design Pattern ทั้งหมดของ Website ที่คุณชื่นชอบ เพราะแรงบันดาลใจไม่เคยตกยุค
2. GitKraken
Git อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับ Web Developers มือใหม่ แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะ GitKraken จะช่วยปรับปรุงการจัดการ Versions ด้วย Interface ที่ใช้งานง่ายสำหรับการจัดการ Codebase ของคุณ
ลองนึกถึงการฝึกฝน Git Skill ดูสิว่ามีอะไรบ้าง
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- แสดง Git History ของคุณด้วย Dynamic Branching Tools
- สามารถจัดการ Merge Conflicts ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ Command Line Skills
- ทำงานร่วมกับทีมของคุณได้อย่างง่ายดายโดยใช้ Shared Repositories
Pro Tip: GitKraken มี Free Git Tutorials ที่จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนา Version Control Skills ของคุณ
3. JSON Schema
JSON คือ Data Format ที่รองรับ Web ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม การสร้าง JSON ที่ถูกต้องอาจเป็นเรื่องยากในบางครั้ง เนื่องจาก Syntax Errors
การใช้ JSON Schema จะเปรียบเหมือนมีการมีผู้ช่วยส่วนตัวในการช่วยตรวจสอบ
Tool ตัวนี้จะช่วยให้คุณค้นหา Structure ของ JSON Data ของคุณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกอย่างจะ Clean และถูกจัดให้เป็นระเบียบ ก่อนที่คุณจะ Publish ให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็น
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- ตรวจสอบ JSON Data ของคุณเพื่อค้นหา Errors ก่อนที่จะนำไปสู่ปัญหา
- สร้าง Documentation สำหรับ JSON Schema ของคุณเพื่อรับประกันในเรื่อง Communication ที่ชัดเจน
- ใช้ Online Tools และ Libraries เพื่อ Integrate การตรวจสอบ Schema ใน Code ของคุณ
Pro Tip: รวม JSON Schema เข้ากับ Code Formatter เพื่อรับประกันว่า JSON Code ของคุณ Clean ชัดเจน และไม่มี Errors
4. BrowserStack
คุณเคยคิดไหมว่า Website ของคุณจะมีหน้าตาอย่างไรและทำงานอย่างไรบน Browsers และ Devices ต่าง ๆ แน่นอนว่าคุณสามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตั้งค่า Online PCs หรือค้นหาจากกองโทรศัพท์เก่า ๆ แต่อันที่จริงเรามีกลยุทธ์ที่ดีกว่า
BrowserStack จะช่วยให้คุณทดสอบ Website ของคุณบน Browsers และ Devices ที่หลากหลาย ความสะดวกสบายทั้งหมดนี้มาจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ของคุณ
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- ทดสอบ Website ของคุณบน Browsers และ Devices ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Chrome รุ่นล่าสุดไปจนถึง Web Browser ที่ล้าสมัย
- Run Automated Tests เพื่อค้นหา Regressions และรับประกันในเรื่องความสม่ำเสมอของคุณภาพ
- ทำงานร่วมกับทีมของคุณเพื่อแบ่งปันผลการทดสอบและค้นหา Errors
Pro Tip: BrowserStack เชื่อมโยงกับ Testing Frameworks ทั่วไป เช่น Selenium ซึ่งทำให้การทำ Automate Testing Process เป็นเรื่องง่าย
5. Insomnia
การสร้าง API ถือเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มประสิทธิภาพฟังก์ชันการทำงานของโปรแกรมต่าง ๆ
แต่เรื่องของการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาของ API นั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป นั่นคือจุดที่ Insomnia เข้ามาช่วย โดยมันจะช่วยให้คุณมี API Playground ของตัวเอง ทำให้การสร้างและทดสอบคำสั่ง API เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- Interface ที่ใช้งานง่ายช่วยให้คุณ Create, Submit และ Debug API Calls ได้สะดวก
- จัดการ API Requests ของคุณให้เป็นหมวดหมู่เป็นระเบียบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Workflow
- ทำงานร่วมกับทีมของคุณได้ โดยสามารถแลกเปลี่ยน Collections และผลการทดสอบกับคนอื่น ๆ ได้
Pro Tip: ใช้ Environment Variables Features ของ Insomnia เพื่อจัดการการตั้งค่า API ในสถานะต่าง ๆ เช่น Development, Staging และ Production Environments ซึ่งช่วยประหยัดเวลาเมื่อต้องสลับการทำงานในแต่ละขั้นตอน
6. Squoosh
ในงาน Design ที่สวยงามมักจะต้องใช้รูปภาพ แต่บางครั้งรูปภาพก็อาจทำให้ Page ช้าลงได้
Squoosh เป็นเครื่องมือปรับแต่งรูปภาพของคุณ ซึ่งมีตัวเลือกมากมายสำหรับการลดขนาด File รูปภาพโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- ทดลองใช้วิธีบีบอัดภาพหลาย ๆ แบบเพื่อหาสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างคุณภาพและขนาดของไฟล์
- หากต้องการเลือกภาพที่ดีกว่า ก็ให้เปรียบเทียบระหว่าง ภาพต้นฉบับและภาพที่ถูกบีบอัด
- Export รูปภาพที่ปรับแต่งแล้วใน Format ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารูปภาพเหล่านั้นสามารถแสดงผลได้บนทุกอุปกรณ์
Pro Tip: ใช้ Squoosh ร่วมกับ CDN (Content Delivery Network) เพื่อรับประกันว่ารูปภาพที่ปรับแต่งแล้วของคุณโหลดได้อย่างรวดเร็วสำหรับ Users จากทั่วโลก
7. Storybook
เมื่อ Web Application ของคุณ มีขนาดใหญ่ขึ้น การควบคุม UI Components อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
Storybook คือตัวช่วยของคุณ มันช่วยให้คุณมีพื้นที่ในการ Develop, Test และจัดทำ Document ของ UI Components แยกต่างหากจาก Code หลักของคุณ
คุณสมบัติหลักและประโยชน์ของมัน:
- สร้าง UI Components ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งรวมถึง Documentation ที่ชัดเจนและแสดงผลแบบ Real-Time
- ทดสอบ Component Behavior ใน States และ Features ต่าง ๆ
- รักษา UI Style Guide ให้คงความสม่ำเสมอขณะที่ Project ของคุณกำลัง Develop ไปเรื่อย ๆ
Pro Tip: หากต้องการปรับปรุง UI Development Process ของคุณ ให้ใช้ Storybook กับ Development Cycle ของคุณด้วยการใช้ Tools อย่าง Webpack
ที่มา: https://javascript.plainenglish.io/
รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert
อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ
บทความล่าสุด