7 เคล็ดลับการใช้งาน Git ที่ช่วยเปลี่ยนการทำงานของคุณให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น

08-ม.ค.-21

คัมภีร์เทพ IT

Git เป็นหนึ่งใน Version Control Systems ที่ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ความเชี่ยวชาญในการใช้งาน Git จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ Developer และยิ่งคุณใช้งาน Git มากและยาวนานเท่าไร คุณก็จะพบ Features ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ นี่คือ 7 เคล็ดลับการใช้งาน Git ที่ช่วยเปลี่ยนการทำงานของคุณให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น

1. Autocorrection ใน Git

เราทุกคนต่างก็เคยพิมพ์ผิดกันบ้างในบางครั้ง แต่ถ้าคุณเปิดใช้งาน Auto-Correct Feature ของ Git คุณจะสามารถให้ Git ช่วยแก้ไขคำสั่งที่พิมพ์ผิดเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ

สมมติว่า คุณต้องการตรวจสอบสถานะด้วย git status แต่คุณบังเอิญพิมพ์เป็น git stats ซึ่งภายใต้สถานการณ์ทั่วไป Git จะบอกคุณว่า 'stats' เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง:

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คล้าย ๆ กัน ให้เปิดใช้งาน Git Autocorrection ใน Git Configuration ของคุณ:

ถ้าคุณต้องการให้ใช้แค่ใน Repository ปัจจุบันของคุณเท่านั้น ก็ไม่ต้องใช้ --global

คำสั่งนี้จะช่วยเปิดใช้งาน Autocorrection Feature ซึ่งมี Tutorials ในเชิงลึกอยู่ใน GitDocs แต่การลองใช้คำสั่งที่ผิดพลาดแบบเดียวกันกับด้านบน จะช่วยทำให้คุณทราบว่า การกำหนดค่านี้สามารถทำอะไรบ้าง:

แทนที่จะแนะนำคำสั่งอื่น ๆ ตอนนี้ Git จะ Run คำสั่งที่ "น่าจะใช่" ที่สุดมาให้ ซึ่งในกรณีนี้คือ git status

2. นับการ Commits ของคุณ

มีหลายเหตุผลที่คุณอาจต้องการที่จะนับการ Commits ของคุณ อย่างเช่น มี Developer จำนวนมาก ที่ต้องการนับจำนวนครั้งที่ Commits เพื่อตัดสินว่า เมื่อใดที่ควรเพิ่มจำนวน Build หรือเพียงแค่ต้องการทราบว่า Project กำลังก้าวหน้าไปแค่ไหนแล้ว

ในการนับการ Commits ของคุณนั้นง่ายและตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก และนี่ก็คือคำสั่ง Git ที่ใช้ในสถานการณ์นี้:

จากคำสั่งด้านบน ชื่อของ Branch ควรจะเป็นชื่อ Branch ที่มีอยู่ใน Repository ปัจจุบันของคุณ

3. เพิ่มประสิทธิภาพ Repo ของคุณ

Code Repository ของคุณ ถือว่ามีค่าไม่เฉพาะสำหรับคุณเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์กรของคุณด้วย คุณสามารถทำให้ Repository ของคุณ Clean และ Update อยู่เสมอด้วยหลักปฏิบัติง่าย ๆ 2 – 3 ข้อ หนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดก็คือ การใช้ .gitignore File ซึ่งการใช้ File นี้เป็นการบอกให้ Git อย่าเก็บ File ที่ไม่ต้องการไว้มากจนเกินไป เช่น Binaries, Temporary Files และอื่น ๆ

หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ Repository ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถใช้ Git Garbage Collection 

คำสั่งนี้จะช่วยคุณได้ ในกรณีที่คุณหรือทีมของคุณ มีการใช้คำสั่ง Pull หรือ Push เป็นจำนวนมาก

คำสั่งนี้เป็น Utility ภายในที่ช่วยทำการ Clean  "Orphaned" Git Object ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ภายใน Repository ของคุณ

4. ทำการ Backup Untracked Files

โดยส่วนใหญ่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวที่คุณจะลบ Untracked Files ออกไปทั้งหมด แต่หลายครั้งก็มีสถานการณ์ที่คุณอาจต้องการลบพวกมัน ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้าง Backup ของ Untracked Files เหล่านั้นไว้ เผื่อกรณีที่คุณต้องการใช้มันในภายหลัง

Git มีคำสั่งที่ช่วยให้สร้าง Zip Archive File สำหรับ Untracked Files ของคุณได้อย่างง่ายดาย

คำสั่งด้านบนนี้ เป็นการสร้าง Archive File (และไม่รวม File ที่อยู่ใน .gitignore) ด้วยชื่อ backup-untracked.zip

5. รู้จัก .git Folder ของคุณ

ทุก Repository มี .git Folder ซึ่งเป็น Folder พิเศษที่ถูกซ่อนอยู่

Git ส่วนใหญ่ทำงานกับ 2 สิ่ง คือ:

Working Tree (State ของ File ใน Checkout ปัจจุบันของคุณ) และ Path ของ Git Repository ของคุณ (โดยเฉพาะตำแหน่งของ .git Folder ซึ่งมี Versioning Information อยู่ในนั้น) 

Folder นี้จะเก็บ References ทั้งหมดและรายละเอียดที่สำคัญอื่น ๆ เอาไว้ เช่น Configurations, Repository Data, State ของ HEAD, Logs และอื่น ๆ อีกมากมาย

หากคุณลบ Folder นี้ State ปัจจุบันของ Source Code ของคุณจะไม่ถูกลบ แต่ Remote Information ของคุณอย่าง Project History ของคุณ จะถูกลบออกไป การลบ Folder นี้หมายถึง Project ของคุณ (อย่างน้อยก็คือ Copy ภายในเครื่อง) ไม่ได้อยู่ภายใต้ Version Control อีกต่อไป ซึ่งหมายความว่า คุณไม่สามารถ Track การเปลี่ยนแปลงของคุณได้ คุณไม่สามารถ Pull หรือ Push จาก Remote ได้

โดยทั่วไป คุณไม่มีความจำเป็นต้องทำหรือควรทำอะไรใน .git Folder ของคุณมากนัก มันจะถูกจัดการโดย Git และถือว่าส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป อย่างไรก็ตาม มันก็มีสิ่งที่น่าสนใจบางอย่างอยู่ใน Directory นี้ รวมถึง State ปัจจุบันของ HEAD:

นอกจากนี้ เป็นไปได้อย่างมากที่มันจะมี Description ของ Repository ของคุณอีกด้วย:

6. ดู File ของ Branch อื่น ๆ

บางครั้งคุณอาจจะต้องการดู Content ของ File จาก Branch อื่น ๆ ในกรณีนี้คุณสามารถทำได้ด้วยการใช้คำสั่ง Git ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน Branch แต่อย่างใด

สมมติว่า คุณมี File ที่ชื่อว่า README.md และมันก็อยู่ใน Branch หลัก แต่ตอนนี้คุณกำลังทำงานอยู่ใน Branch ที่ชื่อว่า dev

ด้วยคำสั่ง Git ต่อไปนี้ คุณสามารถทำได้จาก Terminal ของคุณ

เมื่อคุณ Execute คำสั่งนี้ คุณก็จะสามารถดู Content ของ File ใน Terminal ของคุณได้แล้ว

7. การ Search ใน Git

คุณสามารถ Search ใน Git ได้อย่างมืออาชีพด้วยคำสั่งง่าย ๆ เพียงคำสั่งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถ Search ใน Git ได้แม้ว่าคุณจะไม่แน่ใจว่า ได้ทำการเปลี่ยนแปลงไปใน Commit หรือ Branch ใดก็ตาม

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณต้องการที่จะ Search คำว่า “font-size: 52 px;” ใน Repository ของคุณ:

ที่มา:  https://dev.to/

 

 

รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

เพิ่มเพื่อน

 

บทความล่าสุด