10 CSS Pro Tips for Cleaner and More Enjoyable Code
31-Jul-24
คัมภีร์เทพ IT
See the original english version Click here!
CSS ซึ่งเป็นแกนหลักของการออกแบบ Website ได้ถูกกล่าวถึงในหมู่ Developers ทั้งในเรื่องความสามารถและความซับซ้อนของมัน ทำให้มันกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีความท้าทายในการเรียนรู้มากที่สุดตัวหนึ่ง บทความนี้จึงมาแนะนำ 10 เคล็ดลับการใช้ CSS เพื่อให้เขียน Code ที่ Clean และสนุกมากขึ้น
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ CSS
CSS มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 25 ปีแล้ว และมีการพัฒนาไปพร้อมกับอินเทอร์เน็ต
CSS ถือกำเนิดขึ้นในยุคที่ Netscape Navigator แพร่หลาย โดยมันอยู่ในช่วงที่ Responsive Design และการขยายตัวของ Web Standards สมัยใหม่มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
แม้ CSS จะได้รับการกล่าวขานในเรื่องความซับซ้อนอยู่บ้าง แต่มันก็ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนา Web ทำให้สามารถควบคุมการนำเสนอ Web Content ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
เรามาดูเคล็บลับการใช้ CSS กันเลย:
1. ฝึกฝน Box Model ให้เชี่ยวชาญ
หัวใจของ CSS CSS อยู่ที่ Box Model ซึ่งเป็น Concept พื้นฐานที่ควบคุมทั้ง Layout และ Positioning
HTML Element ทุกรายการ ถูกห่อหุ้มไว้ภายใน Box ซึ่งประกอบด้วย Content, Padding, Borders และ Margins
การทำความเข้าใจและการเห็นภาพของ Model นี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้าง Layout ที่สอดคล้องกันและสามารถตอบสนองได้ อีกทั้ง Tools อย่าง Chrome DevTools ก็ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีเยี่ยมเกี่ยวกับโครงสร้างของ Web Elements
2. ใช้ประโยชน์จาก Firefox
แม้ว่า Chrome อาจเป็น Browser ที่ Developers หลายคนเลือกใช้ แต่ DevTools ของ Firefox ก็มี Features มากมายสำหรับการ Debug CSS
ด้วยรายละเอียดที่ครอบคลุมของ Box Model และคำอธิบายประกอบเชิงลึก, Firefox จึงมี Toolkit ที่ครอบคลุมสำหรับการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Layout
ด้วยการรองรับ Flexbox และ Grid Layouts ที่ดีเยี่ยมของมัน ยิ่งช่วยส่งเสริมสถานะให้มันเป็น “Mus Have” Tool สำหรับการพัฒนา Web
3. สำรวจความยืดหยุ่นของ Flexbox
Flexbox ถือเป็นสิ่งที่ปฏิวัติ CSS Layout ซึ่งมีการนำเสนอแนวทางที่ทั้งยืดหยุ่นและใช้งานง่ายในการจัดระเบียบ Content
ความสามารถในการจัดตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยปรับปรุงทั้ง Responsive และ Dynamic Layouts แม้ว่าจะมีการแนะนำให้ใช้มันด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการพึ่งพา Container Elements มากเกินไป
Flexbox มีประโยชน์อยย่างมากในสถานการณ์ที่ Elements ต่าง ๆ จำเป็นต้องถูกจัดเรียงทั้งแกนหลักและแกนขวาง ทำให้ Layout Tasks ที่ซับซ้อนมีความเรียบง่ายขึ้นด้วยความสวยงามและมีประสิทธิภาพ
4. ใช้ประโยชน์จาก Grid
CSS Grid นับเป็นการก้าวกระโดดอีกขั้นหนึ่งในการออกแบบ Layout มันจะช่วยให้ Developers สามารถควบคุม Layouts แบบ Grid ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ต่างจาก Flexbox ที่มีการมุ่งเน้นไปที่แต่ละ Elements แต่ CSS Grid จะช่วยให้ Developers สามารถกำหนดโครงสร้างโดยรวมของ Grid ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับ Layouts ที่มีหลายมิติและมีความซับซ้อน
ด้วยความสามารถในการสร้าง Grids ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองได้ดี CSS Grid ถือเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” สำหรับการออกแบบ Website สมัยใหม่
5. ทำ Responsive Design ให้ง่ายด้วย Clamp
Responsive Design ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนา Website สมัยใหม่ และ CSS Functions อย่าง min(), max() และ clamp() ได้มีการนำเสนอ Solutions ที่ดีเยี่ยมสำหรับการปรับ Layouts ให้เข้ากับ Screen ขนาดต่าง ๆ ได้
ด้วยการปรับค่าแบบ Dynamic ตาม Space ที่มีอยู่ Developers สามารถสร้าง Layouts ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงใน Viewport Dimensions ได้อย่างสวยงาม, ลดความจำเป็นในการสืบค้น Medias ที่ยุ่งยาก และปรับปรุงประสบการณ์ของ Users บน Devices ต่าง ๆ
6. ลดความซับซ้อนของ Aspect Ratios ได้อย่างง่ายดาย
การรักษา Aspect Ratios ของรูปภาพและวิดีโอ ถือเป็นความท้าทายที่พบได้บ่อยใน Responsive Design
โชคดีที่ Aspect Ratio Property ของ CSS ช่วยให้ Task นี้มีความง่ายมากขึ้น ซึ่งมันช่วยให้ Developers สามารถรักษา Aspect Ratio ได้โดยที่ไม่ต้องอาศัย Padding Hacks ที่ซับซ้อน
ด้วยการใช้ Property นี้ Developers จึงสามารถมั่นใจได้ว่า รูปภาพและวิดีโอ จะถูกปรับขนาดตาม Screen ขนาดต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม, ยังคงรักษาในเรื่องสัดส่วนของภาพที่ถูกต้อง และเพิ่มความสวยงามโดยรวมของการออกแบบ
7. ยกระดับ Code ของคุณด้วย Custom Properties
Custom Properties หรือ Variables ของ CSS มีการนำเสนอวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม Reusable Values ภายใน Stylesheets
ด้วยการกำหนดค่า Variables สำหรับค่าที่ถูกใช้กันทั่วไป Developers สามารถเพิ่มความสามารถในการอ่าน และMaintain Code, อำนวยความสะดวกในการ Refactor และ Customize ได้ง่ายขึ้น
แนวทางนี้ได้ส่งเสริมในเรื่อง ความสอดคล้องและความยืดหยุ่นในการออกแบบ มันช่วยให้ Developers สามารถสร้าง Codebase ที่มีความเสถียรและปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งทำให้ Developers สามารถปรับเปลี่ยนได้ตาม Requirements ที่เปลี่ยนแปลงไป
8. เพิ่มความ Dynamic ให้ Layouts ด้วย Calc()
calc() Function ใน CSS สามารถช่วยปลดล็อกโลกแห่งความเป็นไปได้ในการสร้าง Dynamic และ Responsive Layouts
ด้วย Arithmetic Operations ขั้นพื้นฐานภายใน CSS Property Values, Developers จะสามารถควบคุม Layout Dimensions ได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ต้องอาศัยการสืบค้น Media
Feature นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการสร้าง Grids ที่มีความลื่นไหล, Responsive Typography และ Layout Elements อื่น ๆ ที่ต้องการความสามารถในการปรับเปลี่ยนในขนาด Screen และ Devices ต่าง ๆ
9. ใช้ประโยชน์จาก CSS Counters
เป็นเรื่องดีที่ CSS มี Built-in Mechanism สำหรับจัดการ State และ Numbering Elements ได้โดยที่ไม่ต้องใช้ JavaScript
ด้วยการใช้ประโยชน์จาก CSS Counters ทำให้ Developers สามารถกำหนด Number Elements ใน HTML Documents, ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการสร้าง Interactive และ Data-Driven Interfaces
Feature นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการสร้าง Numbered Lists, การสร้างสารบัญ และสถานการณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องมีการกำหนดหมายเลขแบบ Dynamic
10. ลดความซับซ้อนของ Interactive Elements ด้วย Focus Within
การจัดการ States และ Styles สำหรับ Interactive Elements อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะใน UIs ที่ค่อนข้างซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม :focus-within pseudo-class ของ CSS นำเสนอ Solution ที่เรียบง่ายและสวยงามสำหรับการจัดการ Focus States โดยไม่ต้องใช้ JavaScript
ด้วยการใช้ Pseudo-Class นี้กับ Parent Elements ของ Interactive Components จะช่วยทำให้ Developers สามารถแน่ใจในเรื่อง Styling และ Behavior ที่สอดคล้องกันจาก Input Methods และ Devices ต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงและการใช้งานใน Process
ที่มา: https://medium.com/
รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert
อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ
บทความล่าสุด