How I convinced an employer to take a chance on me and pay me to learn to code.

16-Nov-17

คัมภีร์เทพ IT

See the original english version Click here!
 

        นี่เป็นอีกหนึ่งบทความที่น่าสนใจของคุณ Rick West (อดีตช่างประปาที่สามารถพลิกผันตนเอง มาสู่เส้นทางอาชีพ Web Developerที่ได้แชร์ประสบการณ์วิธีทำให้นายจ้างสนใจและให้โอกาสเรียนรู้การ Coding เพิ่มเติม (ทั้งที่ไม่เคยเป็น Developer มาก่อน) เรื่องนี้น่าสนใจมากและน่าจะเป็นระโยชน์กับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน หรือคนต้องการจะเปลี่ยนสายงานใหม่ เรามาดูกันครับว่าเขามีวิธีคิดและทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้งานที่ต้องการ

 

Option#1 กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยใหม่

        Rick บอกว่า ถ้าเขาอายุยังน้อยและไม่มีภาระอย่างทุกวันนี้ (มีครอบครัวแล้ว) เขาจะเลือกแนวทางนี้ แต่ตอนนี้เขาต้องทำงานหาเงิน มันไม่มีทางเลยที่จะใช้เงินเดือนของภรรยาและเงินจากงาน part time สำหรับตัวเลือกนี้ และไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อกลับไปเรียนใหม่ เขาพอจะมีความรู้ด้าน Computer Science มาบ้าง แต่เขาก็ต้องการรู้เรื่อง Web Development โดยเฉพาะ ตัวเลือกนี้จึงไม่เหมาะกับ Rick

 

Option#2 ลองเริ่มต้นรับงาน Freelance

        Rick เคยคิดหนักเกี่ยวกับการเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ เพื่อรับงาน Freelance ตอนนั้นเขาลองคิดว่า มันจะดีแค่ไหนถ้าเขาต่อยอดงานช่างประปาที่ทำอยู่ ด้วยการสร้างเว็บไซต์ธุรกิจก่อสร้างได้ ซึ่งเขาต้องใช้ทักษะเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น การขาย การตลาด บัญชี และดูแลลูกค้าอีก แต่ Rick อยากทำแค่เรื่อง Coding มากกว่า สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องอยากได้เงิน เขาเชื่อว่าขณะที่เรากำลังเรียนรู้และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ประสบการณ์ที่ได้รับและการได้ทำงานร่วมกับทีมงานที่ดี ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ ซึ่งคุณจะไม่มีทางได้สิ่งเหล่านี้จากคอร์สออนไลน์เลย

 

Option#3 เข้าร่วมงาน Coding Bootcamp

        Rick รู้สึกจริงจังกับเรื่องนี้ เขาคิดว่าต้องได้รับประโยชน์จากการไปเข้าร่วม Bootcamp แน่ๆ เพราะคุณจะได้อยู่กับสิ่งที่อยากทำจริงๆ และมีโอกาสได้สร้าง Network กับคนสายไอทีด้วยกัน ซึ่งดูๆ แล้วถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก แต่การจะเข้าร่วมงานก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากเช่นกัน เขาคิดว่าเขาสามารถจ่ายค่าคอร์สนี้ผ่านบัตรเครดิต จากนั้นก็ต้องทำงานให้หนักและประหยัดเงินให้มากเพียงพอเพื่อจะให้ดำเนินชีวิตได้ ภรรยาของเขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับการ “การันตีเรื่องงาน” เพราะ Bootcamp มีการการันตีว่า จะได้งานใน 3 เดือน ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะดี แต่นั่นคือควรมีค่าใช้จ่ายเผื่อไว้ 6 เดือน ซึ่งเป็นค่าใช่จ่ายที่หนักสำหรับ Rick ทำให้เขาล้มเลิกเรื่อง Bootcamp ไป และเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียนรู้ได้มากแค่ไหน เพราะ Bootcamp ไม่ใช่ “โรงเรียนฮอกวอตส์“ ที่จะมีเวทมนตร์ช่วยให้สามารถเขียน Code ได้ในชั่วข้ามคืน

        มีอยู่ช่วงหนึ่ง บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้เขาไม่สามารถเก็บเงินสำหรับ Bootcamp ได้ และดูเหมือนแนวทางนี้อาจถูกโยนทิ้งไป ทำให้เขาต้องคิดใหม่ เขาลองประเมินค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ หากเลือก Option นี้

·        ค่าใช้จ่ายสำหรับ Bootcamp: 6,000 ปอนด์ (ประมาณ 75,500 ดอลล่าห์) หรือประมาณ 2,491,500 บาท

·        ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่ต้องใช้ในช่วงเข้า Bootcamp: 3,375 ปอนด์ (ประมาณ 4,300 ดอลล่าห์) หรือประมาณ 141,900 บาท

·        ค่าใช้จ่ายที่เป็นไปได้อีก 3,375 ปอนด์ กรณีต้องใช้เวลา 3 เดือนในการหางาน หรือประมาณ 141,900 บาท

 

        นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดอีก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ระหว่าง 9,375 - 12,750 ปอนด์ (2,633,400 – 2,775,300 บาท) ซึ่งเงินขนาดนี้สำหรับเขาและครอบครัว ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก ทำให้เขาต้องคิดใหม่ จนได้ไอเดียว่า ถ้าเขายอมทำงานพัฒนาเว็บไซต์ให้กับบริษัทแบบไม่รับเงินเดือนสัก 12 สัปดาห์ล่ะ มันเทียบเท่ากับประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้า Bootcamp เลย แถมมีค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 3,375 ปอนด์ นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

Option#4 เริ่มออกไปหางานเลย

        Rick ก็คิดเหมือนคนอื่นๆ ในเรื่องที่ว่า คงไม่มีใครชอบที่จะทำงานแบบฟรีๆ เขาคิดว่าถ้าสามารถหางานที่จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำสุดได้สัก 12 สัปดาห์ นั่นก็เหมือนว่า เขาจะได้ประสบการณ์จาก Bootcamp โดยไม่ต้องเสียเงิน แต่ถ้าสามารถหางาน แล้วทำได้นานกว่านั้น ก็ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ในสายอาชีพไอที ลองมาดูวิธีการหางานของเขากัน

·        เข้าเว็บไซต์หางานต่างๆ หลายเว็บ แล้วลิสต์รายการบริษัทที่มีการจ้างงาน โดยเฉพาะตำแหน่ง Junior Developer

·        ด้วยเหตุที่ไม่มีประสบการณ์ไอที/โปรเจคงานที่เคยทำจริงจังมาก่อนเลย แถมคุณสมบัติก็ไม่ตรงกับตำแหน่งงานที่ประกาศในเว็บไซต์อีก แน่นอนว่า ถ้ากดปุ่ม Apply ไป คงไม่ได้รับการพิจารณาแน่นอน เขาเลยใช้การส่งอีเมล์ไปแทน

·        เลือกบริษัทที่น่าสนใจ และมีความต้องการคนจริงๆ เขาจะไม่ส่งอีเมล์แบบหว่านๆ ไป

 

ส่วนอีเมล์ที่เขาส่งไปสมัครงานนั้น สรุปประเด็นสำคัญมาได้ดังนี้

·        ส่วนแรก เป็นการแนะนำตัว งานที่สนใจและทักษะไอทีที่มี: สนใจงานพัฒนาเว็บไซต์, มีทักษะ PHPHTMLCSSWordPressCMS

·        ส่วนต่อมา เป็นการนำเสนอทักษะ Soft skills และทักษะที่เกี่ยวข้อง: มีความกระตือรือร้น, เรียนรู้เร็ว, ขยัน, แม้จะอายุเยอะแต่ก็ยินดีทำงานระดับ Junior, สามารถนำประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา มาประยุกต์ใช้ เช่น เข้าใจความต้องการธุรกิ กำลังพัฒนาทักษะการสื่อสารและการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการกับลูกค้าและทำให้ลูกค้าประทับใจได้

·        ส่วนสุดท้าย เป็นการขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองในการทำงาน: เปิดกว้างในการทำงานทุก Level เพื่อจะได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาความสามารถ ยินดีรับค่าจ้างขั้นต่ำสุด เพราะต้องการโอกาสในการทำงานมากกว่าเน้นไปที่ตัวเงิน

 

        คุณคงจะแปลกใจ เพราะด้วยวิธีนี้มีคนตอบกลับมาหลายคน ซึ่งมีบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทขนาดเล็กด้านไอที ตอบกลับมาและขอนัดเจอเพื่อพูดคุยรายละเอียด แม้บริษัทจะต้องการ Developer ที่มีทักษะ PHP และเรียนจบมาโดยตรง แต่ Rick ก็ทำให้บริษัทสนใจและอยากพูดคุยกับเขา ตอนได้คุยกัน เขาเล่าเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่สามารถทำได้ และบอกว่ายอมรับค่าจ้างขั้นต่ำสุด สุดท้ายบริษัทนั้นก็เปลี่ยนคุณสมบัติเพื่อให้เหมาะกับเขา และที่น่าดีใจที่สุดคือ บริษัทนั้นโทรศัพท์กลับมาหลังการพูดคุยเพียงชั่วโมงเดียว เพื่อเสนอให้เขาทดลองทำงานเป็นเวลา 3   เดือน เพราะความเป็นบริษัทเล็กๆ พวกเขาต้องการคนมาช่วยงาน และแทนที่จะจ้างคนมีประสบการณ์มาแล้ว บริษัทกลับมองเห็นโอกาสด้วยการให้เขาช่วยงานที่ไม่ยากและซับซ้อนไปก่อน เพื่อให้ Developer คนอื่นๆ มีเวลาทำงานเต็มที่ และสิ่งที่ดีที่สุดคือ บริษัทเสนอเงินเดือนให้เขามากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และหาก Rick พัฒนาตัวเองได้เก่งขึ้น ก็จะปรับเงินเดือนให้อยู่ในระดับปกติอย่างคนอื่นๆ แน่นนอนว่า เขาตอบรับงานนี้ทันที และมีความสุขกับการไปทำงานทุกวัน ตอนนี้ผลของความทุ่มเทมันทำให้เขา สามารถพัฒนาฝีมือจนอยู่ในระดับที่ทำงานร่วมกับคนในทีมได้อย่างเต็มที่แล้ว

        Rick เคยถาม Manager ว่าทำไมถึงรับเขามาทำงาน แทนที่จะรับคนเรียนจบมาโดยตรงหรือ Junior Developer ที่ตรงกับที่ลงโฆษณารับสมัครงานไว้ หัวหน้าเขาบอกว่า เพราะอีเมล์ที่เขียนมันทำให้บริษัทสนใจและมันก็โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ด้วย แถมตอนที่เจอและพูดคุยกัน Rick ก็แสดงให้เห็นว่า เขายินดีทุ่มเทในการทำงานและยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า และจากการที่ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเองมา ก็แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นคนที่สามารถเรียนรู้ได้และบริษัทก็ยินดีสอนและให้คำปรึกษาได้

 

ทีมงาน TechStar เชื่อว่าหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ น่าจะทำให้คนไอทีหลายคนมีไฟในการทำงานมากขึ้นและใช้สร้างกำลังใจตอนที่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้ได้ครับ

 

ที่มาmedium.freecodecamp.org

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

 

เพิ่มเพื่อน

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง