Top 5 Java & JavaScript Frameworks สำหรับ Programmers

02-พ.ค.-18

คัมภีร์เทพ IT

ถ้าคุณเป็น Java Programmer/Developer แล้วยังไม่แน่ใจหรือกังวลว่าควรเรียนรู้ Java Frameworks ตัวไหนบ้าง ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณกับ Top 5 Java & JavaScript Frameworks สำหรับเหล่า Programmer เพื่อที่คุณจะได้มีแนวทางที่ชัดเจนขึ้น  หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม Java developer ถึงควรเรียนรู้ JavaScript Framework ด้วย คำตอบคือมีหลายๆ บริษัท ที่ Java developer ต้องเขียน Code ทั้งสำหรับ Server-side และ Client-side ด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่ามี Framework ใดบ้างที่คุณควรเรียนรู้
1. Spring Boot
อาจมีบางคนคงเคยทราบมาบ้างแล้วเกี่ยวกับความสามารถที่หลากหลายของ Spring Boot ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกของ Java ตั้งแต่มี Spring Framework มา Spring Boot ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนา Spring Application เพื่อให้ Java Developer สามารถสร้าง Java web application โดยใช้ Spring ได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่า Spring จะมีข้อดีในแง่ของ dependency injection และ templates ที่หลากหลาย เช่น JdbcTemplate, RestTemplate แต่ขณะเดียวกันตัวคุณเองก็ควรต้องรู้ในเรื่อง  learning curve, configuration และ dependency management ซึ่งอาจทำให้การ Development ของคุณไม่ราบรื่นนัก แต่ Spring Boot มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการมี Feature ที่ช่วยให้คุณสะดวกขึ้น เช่น auto-configuration, starter dependency, Spring Boot CLI และ Spring Actuator นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Feature ที่ Spring Boot สามารถทำได้ 
2. Spring Cloud
การพัฒนา application สำหรับ cloud ถือเป็นสิ่งที่มีความท้าทายมากและ Spring Cloud ก็มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ เพราะ มีเครื่องมือสำหรับ Java Developer เพื่อสร้าง pattern พื้นฐานสำหรับ application บนระบบ Cloud เช่น configuration management, service discovery, circuit breaks, client-side load balancing, intelligent routing, distributed sessions เป็นต้น เมื่อคุณพัฒนา Java application บนระบบ Cloud คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับ Hardware, การติดตั้ง operating system, database และ software อื่นๆ เพราะ Cloud providers เช่น Cloud-Found และ Heroku ก็มี services เหล่านั้น 
3. Angular
นี่คือหนึ่งใน JavaScript framework ที่นิยมมากตัวหนึ่งสำหรับพัฒนา Front-end ซึ่งมันได้รับการสนับสนุนและพัฒนาโดย Google โดย Angular ไม่ถือเป็น Framework ใหม่เพราะมันออกมาประมาณ 2-3 ปีก่อนนี้เอง Angular มี declarative templates กับ Data binding และเรื่อง Dependency injection และ Unit testing เพื่อทดสอบ Code ในฝั่ง Client-side ของคุณซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงได้รับความนิยมอย่างมากในการพัฒนา Front-end นอกจากนี้ยังใช้ TypeScript ซึ่งเป็นชุด  JavaScript ที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียนโค้ด Object-oriented ใน JavaScript มันเป็น Superset ของ JavaScript และมี Syntax คล้าย Java เพื่อสร้าง GUI application ที่ทันสมัย
4. React
เช่นเดียวกันดับ Angular, React ก็เป็นอีกหนึ่ง JavaScript Library ที่ได้รับความนิยมในการสร้าง Front-end หรือ GUI นอกจากนี้ยังเป็น component-based model ที่ได้นับความนิยมจาก Web Developer จากทั่วโลก มีหลาย Java Project ที่ใช้ Web GUI ที่ใช้ React แทนที่จะใช้ FreeMarker, JSP, Thymeleaf หรือเทคโนโลยี Java View พื้นฐานอื่นๆ นอกจากนี้ประโยชน์หลักๆ ของ React คือ คุณสามารถสร้าง Component และนำมา reuse ใหม่ ซึ่งทำให้การพัฒนาง่ายขึ้น เช่น หากคุณมี List ของ elements ที่มีข้อมูลแตกต่างกัน คุณสามารถ reuse ตัว custom list component ที่สร้างขึ้นโดยใช้ React กับข้อมูลที่แตกต่างกัน ขณะที่ Angular ได้รับการสนับสนุนโดย Google แต่ React เองก็ได้รับการสนับสนุนโดย Facebook ซึ่งหมายความว่า มันคงจะไม่ถูกเลิกใช้ภายใน 2-3 ปีนี้แน่นอน และการที่คุณลงทุนเรียนรู้ใน React มันจะช่วยคุณในเรื่องของอาชีพของคุณ 
5. Apache Spark
Apache Spark น่าจะเป็น Framework ขนาดใหญ่ตัวถัดไปในเรื่องของ Big Data แม้ว่า Hadoop จะได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายใน Big Data แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่ง Apache Spark ได้ถูกพัฒนาให้ทำงานความเร็วและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และคาดว่าน่าจะเร็วกว่า Hadoop ถึง 100 เท่าซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาลในปัจจุบัน ถ้าคุณเป็น Java Developer และสนใจใน Big Data แนะนำให้คุณเรียนรู้ Apache Spark ปัจจุบันมีโอกาสมากมายในสายงาน Big Data และความต้องการ Developer ที่มีประสบการณ์ Hadoop และ Apache Spark เป็นจำนวนมาก 
แม้ว่าทักษะหลักๆ ของคุณคือควรรู้ Java แล้ว แต่จะเป็นการดีถ้าคุณจะเรียนรู้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น HTML, CSS, JavaScript รวมทั้ง SQL, Linux และ Algorithms เป็นต้น ที่สำคัญที่สุดคือ คุณไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ Framework ทั้งหมดนี้ แต่ควรเลือกให้ตรงกับลักษณะของ requirement และลักษณะของงานที่คุณจะต้องทำ หรือหากคุณจะใช้ Framework อื่นนอกเหนือจากนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
 

 

รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

เพิ่มเพื่อน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง