บทความ IT เจ๋งๆ

หากคุณไม่คุ้นเคยกับ Version Control และคุณไม่ค่อยได้ใช้งานมันในการทำงาน นี่ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มต้น เพราะบทความนี้จะช่วยสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการ Develop ในอนาคต ยิ่งคุณคุ้นเคยกับมันเร็วเท่าไร คุณก็จะยิ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าต่อนายจ้างมากขึ้น ซึ่งบทความนี้ได้ รวม 20 คำสั่งพื้นฐาน การใช้ Git/GitHub มาเป็นทางลัดให้คุณได้ใช้งานได้รวดเร็วขึ้น

Git และ GitHub

Git เป็น Version Control System โดยมันเป็น Open Source DVCS (Distributed Version Control System) ที่ Run ใน Command Line นั่นหมายความว่า มันจะบันทึก History ทั้งหมดของ Project และและ History ของ Project เดียวกันที่เพื่อนร่วมงานของคุณกำลังทำอยู่ก็จะถูก Copy ไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งแตกต่างกับ SVN (Subversion) ที่จะเก็บ History ทั้งหมดไว้ในที่เดียว

GitHub (ซึ่งมีหลายคนที่มักเข้าใจสับสนกับ Git) เป็น Repository Hosting Service ที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น สามารถ Upload History ของคุณโดยใช้ Git ซึ่งจะช่วยให้คุณและเพื่อนร่วมงานของคุณสามารถเข้าไปดึง Copy ล่าสุดของ Project ได้ ในขณะเดียวกันก็อนุญาตให้บุคคลหลาย ๆ คนสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่ไปขัดขวางการทำงานของกันและกัน

เริ่มต้นใช้งาน

Git นั้นซับซ้อนและมีหลายสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้ แต่สำหรับการเริ่มต้นใช้งาน คุณจำเป็นต้องสิ่งสำคัญหลัก ๆ เสียก่อน ยิ่งคุณใช้ Git มากเท่าไหร่ คุณอาจจะพบกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมี Resource มากมายที่สามารถช่วยเหลือคุณได้ ดังนั้น อยากให้คุณเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ แต่ขณะเดียวกันก็พยายามเพิ่มพูนความรู้ของคุณต่อไปเรื่อย ๆ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการ Download Git มาใช้ สำหรับผู้ที่ใช้ Windows ขอแนะนำให้ติดตั้ง Git Bash ซึ่งสามารถใช้งานได้เมื่อติดตั้ง Git แล้ว ส่วนผู้ที่ใช้ Mac ให้ใช้ Terminal และเมื่อติดตั้งแล้ว ให้ไปที่ GitHub แล้วสร้าง Free Account ซึ่งตอนนี้คุณมี Git, Command Line Tool และ GitHub Account ที่คุณจะสามารถ Upload Repositories ของคุณได้

มารู้จักกับ 20 คำสั่งพื้นฐาน

ใช้ Git Bash หรือ Terminal เพื่อไปยัง Project Folder หากคุณใช้ Git Bash คุณสามารถคลิกขวาที่ Project Folder แล้วเลือก “Git Bash Here” แล้วมันจะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นทำงานใน Working Directory นั้น

git init

สิ่งนี้จะสร้าง .git repository ใน Project ของคุณ ซึ่ง repository หรือ “repo” คือ สิ่งที่บอกถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่คุณทำกับ Project ของคุณ และมันจะสร้าง History ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และมันเป็นสิ่งที่คุณควรทำเป็นอย่างแรกสำหรับ New Project

git config --global user.name "Your Name"

git config --global user.email "yourEmail@mail.com"

นี่จะเป็นการ Set up ข้อมูลของคุณที่จะใช้ทุกครั้งที่คุณทำการ Commit  และคุณจะทำสิ่งนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเฉพาะเมื่อคุณติดตั้ง Git เป็นครั้งแรกเท่านั้น

git add filename.extension

วิธีนี้เป็นการเพิ่ม File ไปที่ “Staging Area” หรือ Index ซึ่ง Staging Area ก็เป็นเหมือนส่วนที่เก็บ File ที่เตรียมพร้อมจะย้ายไปยัง Repository ของคุณ โดยคุณสามารถแทนที่ “filename.extension” เป็น File อะไรก็ตามที่คุณต้องการจะเพิ่มเข้าไป เช่น “index.html”

git add .

หากคุณต้องการเพิ่มทุก File จาก Project Folder ไปยัง Staging Area คุณสามารถใช้คำสั่งนี้ แทนที่คุณจะเพิ่มเข้าไปทีละ File

git add *.html

หากคุณต้องการเพิ่ม .html File ทั้งหมดลงใน Staging Area ของคุณ นี่คือคำสั่งที่ใช้ทำสิ่งนั้น และคุณสามารถเปลี่ยนเป็น Extension ใดก็ได้ที่คุณต้องการ

git status

คำสั่งนี้จะทำการแสดงถึงสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้าไปยัง Staging Area และ File ใดที่มีการเปลี่ยนแปลงก็ควรเพิ่มเข้าไปใน Staging Area ด้วย

git reset filename.extension

คุณสามารถ Undo File ที่เคย Add เข้าไป ด้วยคำสั่งนี้

git rm --cached filename.extension

คำสั่งนี้ใช้ Remove File ที่ต้องการออกจาก Staging Area และทำการ Set ให้มันอยู่ในสถานะ Untracked

git commit -m "Description of the commit"

คุณสามารถใช้คำสั่งนี้ในการ Commit File จาก Staging Area ไปยัง Local Repository ของคุณ โดยในเครื่องหมาย “ “ จะเป็นคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ ขอแนะนำให้อธิบายการ Commit ด้วยรายละเอียดสั้น ๆ เช่น " fixed bug where user name wasn’t updating" แทนการใช้ข้อความที่ไม่สื่ออะไรเลยอย่าง " some changes"

touch .gitignore

คำสั้งนี้นี้จะสร้าง File ที่ชื่อ .gitignore คุณสามารถเปิด File นั้นด้วย Text Editor และเขียนชื่อ File หรือ Folder ที่คุณไม่ต้องการเก็บใน Repository ของคุณ โดย File ที่ถูก Ignore จะไม่แสดงให้เห็นเมื่อคุณ Run คำสั่ง git status

git branch branchName

คำสั่งนี้ใช้สร้าง Branch ซึ่ง Branch นี้จะเป็นตัวสำเนา (Copy) ของ Codebase จาก Branch ที่คุณอยู่ก่อนหน้านี้ (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น Master Branch)

git checkout branchName

คำสั่งนี้ใช้สำหรับย้ายออกจาก Branch ที่คุณกำลังทำงานอยู่ไปยังอีก Branch ที่คุณต้องการ

git merge branchName

ในขณะที่อยู่คุณอยู่ใน Master Branch คุณสามารถ Merge File จาก Branch ที่ต้องการเข้ากับ Master Branch ได้ด้วยคำสั่งนี้

git remote add origin https://github.com/userName/project.git

คำสั่งนี้จะใช้เพิ่ม Location ของ Remote Repository ของคุณ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ใน Local Repository บน Computer ของคุณ คุณจะต้องไปที่ GitHub Account ของคุณ และสร้าง Remote Repository ใหม่ที่ซึ่งคุณจะสามารถ Push Local Repository ของคุณได้ หลังจากที่คุณสร้าง Remote Repository คุณจะได้รับ Link ซึ่ง Link นั้นจะเป็น Location ที่คุณจะสามารถใช้ในคำสั่งนี้นั่นเอง

git remote

คำสั่งนี้ใช้เพื่อแสดง List ของ Remote Repository ที่เกี่ยวข้องกับ Project ของคุณ

git push -u origin master

คำสั่งนี้ใช้ Push Local Repository ไปยัง Remote Repository ของคุณ และคุณจะต้องเขียนคำสั่งเช่นเดียวกับในตัวอย่างนี้ในกรณีที่คุณทำมันเป็นครั้งแรก

git push

นี่คือคำสั่งที่คุณจะใช้เพื่อ Push Code ของคุณไปยัง GitHub หลังจากการ Push ครั้งแรก

git clone https://github.com/userName/project.git

หากคุณไม่มี Project อยู่ในคอมพิวเตอร์ที่คุณกำลังใช้งานอยู่ คำสั่งนี้จะทำให้คุณสามารถ Clone (หรือ Download) Project ทั้งหมดลงใน Directory ที่คุณกำลังใช้งานอยู่

git pull

หากคุณกำลังทำงานอยู่กับ Codebase เดียวกันกับคนอื่น ๆ คำสั่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถ Pull Version ล่าสุดจาก Remote Repository และอัปเดต Local Version ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถทำงานกับสิ่งที่ Update ล่าสุดในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ใน Codebase

สรุป

หวังว่าบทความนี้จะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์เพียงพอสำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นใช้งาน Git และเพิ่มความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Git มากขึ้น ในฐานะของ Programmer ยิ่งคุณเรียนรู้และเข้าใจสิ่งเหล่านี้เร็วเท่าไรก็ยิ่งเพิ่ม Value ให้ตัวคุณเอง

ที่มา:  https://medium.com/