7 JavaScript Functions ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเขียน Code ของคุณ
29-ก.ค.-20
คัมภีร์เทพ IT
สำหรับคนที่ใช้งาน JavaScript บทความนี้จะมาแนะนำ 7 JavaScript Functions ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเขียน Code ของคุณ
1. Detect Browser
แต่ละ Browsers ต่างก็มี navigator.useragent ที่แตกต่างกัน เราสามารถตรวจหาประเภทของ Browsers โดยการตรวจสอบค่านี้
ตัวอย่าง
จะเห็นว่ามี 'chrome' ปรากฏอยู่
จะเห็นว่ามี 'firefox' ปรากฏอยู่
ดังนั้น เราต้องตรวจสอบว่ามีชื่อ Browsers ใดใน navigator.useragent และจากนั้นเราจะสามารถตรวจหาประเภทของ Browsers ได้
2. Detect ประเภทของ Function
Function มีอยู่ 2 ประเภท:
- Native Functions ที่มาจาก Runtime Environment อย่างเช่น Array.isArray, console.log
- Functions ที่ถูกเขียนขึ้นโดย Users
ในบางกรณีที่มีความซับซ้อน คุณอาจต้องแยกความแตกต่างระหว่าง Functions ทั้ง 2 ประเภทนี้
แล้วเราจะแยกความแตกต่างของ Functions ทั้ง 2 นี้ใน Code ของเราได้อย่างไร มันง่ายมาก เพราะพวกมันมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเมื่อ Convert ไปเป็น Strings
Native Functions
user-written function
เมื่อเรา Convert Native Functions เป็น Strings ผลลัพธ์จะมี Native Code ด้วยเสมอ
ดังนั้น เราสามารถเขียน Functions ได้ดังนี้:
3. Convert hyp-hens เป็น camelCase
การ Convert Strings จากรูปแบบ hello-world ไปเป็น HelloWorld นับเป็นหนึ่งใน Requirement ที่พบได้บ่อย การทำเช่นนี้ เราสามารถใช้ Regular Expressions ได้
เราสามารถใช้ /-(\w)/g เพื่อ Match ตัวอักษรแบบตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดที่อยู่หลังเครื่องหมาย - แล้วจากนั้นก็ใช้ตัวอักษรแบบตัวพิมพ์ใหญ่เพื่อแทนที่มัน
4. Delete HTML Tag ใน String
เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย เรามักจะต้องลบ HTML Tag ออกจาก Strings และด้วยการใช้ Regular Expression ง่าย ๆ จะช่วยให้เราสามารถทำสิ่งนี้สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
5. Reverse String
การ Reverse String ถือเป็น Requirement ที่พบได้ทั่วไป ในการทำเช่นนั้น เราสามารถแบ่ง String เป็น Array จากนั้นก็ทำการ Reverse Array แล้วก็ Join พวกมันเข้าด้วยกัน
6. เปลี่ยน Format จาก Number เป็น String ด้วย Comma
เพื่อที่จะทำให้ง่ายต่อการอ่านจำนวนที่มีค่ามาก ๆ เรามักจะเพิ่มตัวคั่น (Separator) เข้าไปที่ตรงกลางของจำนวนเหล่านั้น
- 111111 => 111,111
- 123456789 => 123,456,789
โดยทั่วไปแล้ว เราจะเพิ่มเครื่องหมาย Comma เพื่อคั่นตัวเลขทุก ๆ 3 ตัว
7. Convert หน่วย Byte ไปเป็น หน่วยที่ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น
ภายใน Computer นั้น ขนาดของ File มักจะถูกวัดด้วยหน่วยเป็น Bytes แต่ถ้าเป็นจำนวนที่มีค่ามาก ๆ มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะอ่านมันได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเห็นตัวเลข 98223445 B เป็นครั้งแรก มันเป็นการยากที่จะนึกออกว่ามันมีค่ามากน้อยเท่าไร แต่ถ้าเราใช้ 93.7 MB เราก็จะคุ้นเคยกับมันมากขึ้น ดังนั้น เราจึงต้องเขียน Function ขึ้นมา ซึ่งที่จะทำให้เราสะดวกมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายนี้
ที่มา: https://medium.com/
รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert
อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ
บทความล่าสุด