“4 เรื่องคาใจ” เกี่ยวกับ IT Career Path
19-เม.ย.-17
คัมภีร์เทพ IT
เชื่อว่าทุกคนคงอยากมีความก้าวหน้าและเติบโตในสายอาชีพ เพราะมันแสดงถึงการพัฒนาและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวได้มากขึ้นด้วย แต่สำหรับสายอาชีพด้าน IT (IT Career Path) น่าจะเรียกได้ว่า เป็นสายอาชีพที่ไม่ค่อยมีอะไรตายตัว เพราะด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกิดลักษณะงานใหม่ๆ ตลอดเวลา จึงทำให้คนไอทีเกิดความสงสัยว่า สรุปแล้วงานสายไอทีมี Career Path เป็นอย่างไรกันแน่? เราลองมาดู เรื่องที่คนไอทีเกิดความคาใจเกี่ยวกับ Career Path กัน
- Career Path แต่ละที่เหมือนกันมั๊ย?
ถือเป็นประเด็นที่คนในสายไอทีสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมาก สมมติ นาย A และ นาย B เริ่มงานพร้อมกัน เมื่อผ่านไป 7 ปี ลองมาดู Career Path ของทั้ง 2 คนนี้กัน
นาย A (ทำงานบริษัท A) : Programmer -> Tester -> SA -> BA
นาย B (ทำงานบริษัท B) : Programmer -> Programmer Analyst -> SA/BA
จะเห็นว่า แม้จำนวนและชื่อตำแหน่งจะแตกต่างกัน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็มาอยู่ในตำแหน่งงานที่ลักษณะคล้ายกัน นั่นหมายถึง Career Path ของแต่ละองค์กรไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ไม่มีอะไรตายตัว อย่างนาย A เป็น SA ก่อน BA ขณะที่นาย B ข้ามจาก Programmer Analyst ไป BA เลย แต่ในเนื้องานต้องสามารถทำควบ SA ได้ด้วย ดังนั้น คนไอทีควรให้ความสำคัญกับเนื้องาน คุณต้องรู้อะไรหรือทำอะไรได้บ้าง? เพราะชื่อตำแหน่งงานและ Career Path ของแต่ละองค์กร ถูกกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน
- จะไปสาย Technical หรือ Business ดี?
เมื่อคนไอทีเริ่มต้นทำงาน โดยทั่วๆ ไปจะเริ่มจากสาย Technical หรือ Specialist ก่อน เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์สักระยะ ก็อยากเติบโตขึ้น โดยส่วนใหญ่เข้าใจว่า ต้องมีทักษะ Management และ/หรือ Business จึงจะก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงๆ ได้ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว ถ้าพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันและความเป็นจริงแล้ว หากคุณอยากเป็นหัวหน้าที่เก่งคุณก็ควรต้อง ”รู้งานทั้งหมด” ที่สำคัญคือ ต้องเข้าใจเป้าหมายธุรกิจก่อน (ซึ่งตรงนี้ต้องใช้ทักษะด้าน Business) จึงจะสามารถถ่ายทอดและกำหนดขอบข่ายของงานให้กับลูกน้องในแผนกได้ (งานในส่วนนี้ต้องใช้ทักษะด้าน Management) รวมถึง “เข้าใจหัวอก” ของคนทำงานในแต่ละระดับหรือตำแหน่ง (ซึ่งส่วนนี้เกิดจากประสบการณ์การทำงานที่คุณได้สั่งสมมา) ดังนั้น ทักษะด้าน Management, Business เป็นสิ่งที่คนเป็นหัวหน้าควรรู้ไว้บ้าง ไม่ว่าคุณอยากเติบโตไปในสายงานใดก็ตาม
- เปลี่ยนสายแล้วไม่เวิร์ค จะกลับมาสายเดิมได้มั๊ย?
คำตอบคือ “ได้” ถ้าอ่านข้อ 1 - 2 คุณจะสรุปได้ว่า อย่ากังวลกับชื่อตำแหน่งงานมากเกินไป ควรโฟกัสไปที่เนื้องานและทักษะที่จำเป็นของตำแหน่งนั้นๆ จะดีกว่า คุณอาจจะคิดว่า BA ที่บริษัทนี้ เน้นการพูดคุยกับ User เพื่อเก็บ Requirement เป็นหลัก แต่หากคุณไม่ชอบ อยากกลับมาเป็น SA ก็ต้องดูว่า งาน SA บริษัทอื่นที่จะไปสมัครนั้น รายละเอียดของงานถูกกำหนดให้ดูในส่วนของ BA ควบไปด้วยหรือเปล่า เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจเข้าทำนองที่ว่า “หนีเสือปะจระเข้” ก็ได้นะ
- ควรรู้ให้ลึกหรือรู้แบบกว้างๆ ดี?
ข้อนี้คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ หาให้เจอว่าคุณชอบแบบไหน และโอกาสเอื้ออำนวยหรือไม่ ถ้าคุณชอบที่จะรู้ลึกก็เป็น Specialist หรือ Expert ในด้านนั้นๆ ไป แต่หากคุณชอบรู้กว้างๆ มันก็เพิ่มโอกาสสู่อาชีพใหม่ๆ ได้ เพียงคุณหมั่นพัฒนาตัวเอง เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมตลอดเวลา และหมั่นนำสิ่งเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในงาน ถือเป็นการเตรียมความพร้อมรับโอกาสที่จะมาถึงในอนาคต เพราะอย่าลืมว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ถ้าคุณพร้อม คุณก็สามารถคว้าโอกาสหน้าที่การงานใหม่ๆ ที่เติบโตกว่าเดิมได้มากกว่าคนที่ไม่พยายามเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เลย
สุดท้ายนี้หวังว่า คนไอที จะโฟกัสที่เนื้อหาของงานที่ทำ พัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเองเสมอ รวมถึงหมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทีมงานเทคสตาร์เชื่อมั่นว่า คุณจะสามารถเติบโต ทำงานได้หลากหลาย และไม่ตกงานอย่างแน่นอน
อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ
![]() |
บทความที่เกี่ยวข้อง