10 VS Code Extensions ที่จะช่วยให้คุณเขียน Code ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

15-ส.ค.-25

คัมภีร์เทพ IT

หากคุณใช้ VS Code คุณคงรู้ดีกว่ามันมี Extensions ที่มีประโยชน์อยู่มากมายที่ทั้งช่วยแก้ปัญหากับงานที่ซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณ บทความนี้จึงมาแนะนำ 10 VS Code Extensions ที่จะช่วยให้คุณเขียน Code ได้ดีขึ้นกว่าเดิม มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. Project Manager

คุณสามารถสลับไปมาระหว่าง Projects ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายโดยที่คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด

ในโลกที่เต็มไปด้วย Folders ที่ดูรกและ Git Repos ที่กระจัดกระจาย Project Manager เปรียบเสมือนลมหายใจที่สดชื่น ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสามารถจัดระเบียบและเข้าถึง Projects ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องของคุณ, อยู่ใน Git หรืออยู่ใน Downloads Folder (ซึ่งเราทุกคนคงเคยเจอมาแล้ว)

เพียงแค่เพิ่ม Projects ที่คุณใช้งานบ่อยไว้ในแถบด้านข้าง แล้วคุณจะไม่ต้องไล่หา Files จาก File Explorers อีกต่อไป

2. Live Server

คุณสามารถเปิด Dev Server สำหรับพัฒนา Web พร้อม Live Reload Feature ภายในไม่กี่วินาที

พวกเราแทบทุกคนน่าจะเคยใช้ Extension ตัวนี้ และมีเหตุผลที่ดีที่จะใช้งานมันด้วย Live Server จะช่วยให้คุณสามารถ Run Local Development Environment ได้ทันที และ Reload Browser โดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณบันทึกไฟล์ HTML, CSS หรือ JS

3. REST Client

คุณสามารถทดสอบ API ของคุณได้โดยตรงภายใน VS Code โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Postman

หากคุณเบื่อหน่ายกับการสลับ Tabs, ตั้งค่า Postman Collections หรือแม้แต่เปิด App อื่น เชื่อว่า REST Client คือของขวัญล้ำค่าของคุณ

เพียงเขียน HTTP Requests ลงในไฟล์ .http แล้วกด “Send” คุณก็จะได้เห็นผลลัพธ์แสดงอยู่ใน Editor ได้ทันที มันทั้งเบา เร็ว และน่าทึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

4. Prisma

คุณสามารถสร้าง, จัดการ และมองเห็นโครงสร้าง Databases ได้อย่างง่ายดาย

ถ้าคุณเคยทำงานกับ Databases มาก่อน โดยเฉพาะกับเครื่องมืออย่าง PostgreSQL หรือ MySQL, Prisma จะให้ความรู้สึกเหมือนเวทมนตร์ ซึ่ง Extension ตัวนี้มี Features อย่าง Syntax Highlighting, Autocomplete, Linting และอื่น ๆ สำหรับไฟล์ .prisma

5. GitLens

คุณสามารถสำรวจใน Git Repository ขนาดใหญ่ได้อย่างมืออาชีพ

ถ้าคุณเคยเข้าร่วม Projects ที่มี Commit มากกว่า 100,000 รายการ และหากคุณเป็น Developer มือใหม่ คุณคงจะรู้สึกท่วมท้นไปหมด ซึ่งในกรณีนี้ GitLens สามารถช่วยคุณได้

มันจะแสดง Commit History, Blame Annotations และ File Authorship ไว้ใน Editor ของคุณ มันเหมือนกับมีผู้เชี่ยวชาญใน Git มาคอยช่วยกระซิบอยู่ใน IDE ของคุณโดยจะคอยบอกว่า ใครเขียน Code บรรทัดไหน และพวกเขาเขียนแบบนั้นทำไม

6. Auto Import

ต่อไปนี้ คุณไม่ต้องกังวลเรื่อง Imports ที่หายไปอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่เขียน Code ก็พอ

แน่นอนว่า VS Code เองก็มี Imports อยู่แล้ว แต่ Auto Import สามารถยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เพราะมันทั้ง เร็วกว่า ใช้ง่ายกว่า และทำงานได้ดีแม้ใน Codebase ที่มีขนาดใหญ่

7. GitHub Copilot

Extension นี้เปรียบเสมือนเพื่อนคู่หู ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของคุณ

หากคุณเคยใช้เครื่องมือตัวนี้ คุณคงไม่สามารถจินตนาการถึง VS Code ที่ไม่มี GitHub Copilot ได้เลย โดยมันจะช่วยเขียน Boilerplate, แนะนำ Code ตามบริบท และแม้แต่จัดการ Regex ที่ซับซ้อนได้ ถ้าคุณตั้ง Prompt ให้เหมาะสม

มันถูกสร้างขึ้นโดย Microsoft และถูก Train จาก GitHub Repositories จึงทำให้มันสามารถเชื่อมโยงเข้ากับ Workflow ของคุณได้เป็นอย่างดี เพียงแค่คุณมีบัญชี GitHub ก็สามารถปลดล็อกประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่

8. Auto Rename Tag

เพียงแค่แก้ไข Tag หนึ่งอัน Tags อื่น ๆ ก็จะถูกอัปเดตตามให้โดยอัตโนมัติ

ถ้าคุณเขียน HTML หรือ JSX เชื่อว่าคุณจะหลงรัก Auto Rename Tag โดยมันจะ Syncs ทั้ง Opening และ Closing Tags ให้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องทำเอง

ถึงแม้มันจะดู เรียบง่าย, คลาสสิก แต่มันก็มีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในงาน Frontend ที่ต้องการความเร็ว

9. Code Spell Checker

Extension นี้จะช่วยจับผิดคำที่สะกดผิดทั้งใน Variables, Comments และ Strings ของคุณ

Code ที่ดีคือ Code ที่อ่านง่าย และไม่มีอะไรทำลายสิ่งนั้นได้ไวเท่ากับ คำที่สะกดผิด

Code Spell Checker ทำงานเหมือน Grammarly สำหรับ VS Code Editor โดยมันจะ Scan Code, Comment และ Strings ของคุณเพื่อหาคำที่อาจสะกดผิด มันจะช่วยให้ Code ของคุณดูเป็นมืออาชีพและเรียบร้อยยิ่งขึ้น

10. Tabnine

นี่เป็น AI Assistant ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ

ก่อนที่ ChatGPT และ Cursor จะกลายเป็นบรรทัดฐาน Tabnine ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีความโดดเด่นในเรื่องนี้

มันคือ AI Assistant ที่ถูกสร้างมาสำหรับ Developers โดยมันจะช่วยในเรื่อง Code Completions ได้อย่างชาญฉลาด และมีข้อเสนอแนะตามบริบท

ไม่เหมือนกับเครื่องมืออื่น ๆ Tabnine จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย จึงเหมาะสำหรับทีมพัฒนาที่ทำงานกับ Code ที่เป็นความลับหรือมีลิขสิทธิ์ภายในองค์กร

สรุป

และนี่ก็เป็น 10 VS Code Extensions ที่จะช่วยให้คุณเขียน Code ได้ดีขึ้นกว่าเดิม คุณอาจเคยคิดว่าทักษะพื้นฐานคือสิ่งสำคัญที่สุด และแน่นอนว่า ความรู้เชิงลึกก็สำคัญมากเช่นกัน แต่ถ้าคุณต้องการเขียน Code ให้เร็วขึ้น, แก้ Bugs ได้ฉลาดขึ้น และส่งมอบงานได้เร็วขึ้น การใช้ Extensions ที่เหมาะสมจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่มันจำเป็น คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทั้ง 10 ตัวในทันที ลองเริ่มสัก 2 หรือ 3 ตัวที่ช่วยแก้ปัญหาใน Workflow ของคุณ เชื่อว่าคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่าง

ที่มา: https://medium.com/

 

 

รับตำแหน่งงานไอทีใหม่ๆ ด้วยบริการ IT Job Alert

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

เพิ่มเพื่อน

 

บทความล่าสุด