10 เรื่องที่ Android Developers มือใหม่ มักจะเจอ

21-ธ.ค.-17

คัมภีร์เทพ IT

ในยุคนี้ โทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวเราแทบจะตลอดเวลา นั้นหมายถึงปริมาณการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงทำให้ความต้องการ Developers สำหรับพัฒนา App. มือถือมากขึ้นด้วย และวันนี้ทีมงานก็มีบทความที่น่าสนใจบทความหนึ่งมาให้อ่านกันครับ เกี่ยวกับ 10 เรื่องที่ Android Developers มือใหม่ มักจะเจอ ซึ่งคุณ Elvis Chidera (Android Developer @dotLearn) ได้ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงออกมาดังนี้ครับ

  1. เมื่อคุณทำการ implement page ทั้งหมดใน App โดยใช้ Activities และเจ้านายของคุณก็บอกในภายหลังว่า ต้องการให้ทุก page สามารถ swipe(ใช้นิ้วมือกวาด) ได้ และคุณพยายามอธิบายว่า คุณต้องเปลี่ยนให้เป็น fragments อย่างเหมาะสม เพื่อให้มันสามารถ swipe ได้
    Tip: หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ ใช้ fragments เสมอ และใช้ activities เป็นหลัก ซึ่ง activities นี้ถือเป็นเพียงการจัดการแบบเก่าๆ กับ Android เท่านั้น คุณจะได้รับประโยชน์หลายอย่างด้วยการทำแบบนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่กฎ แต่เป็นสิ่งที่สามารถใช้เลี่ยงปัญหานี้ได้

     
  2. เมื่อคุณพยายามสร้าง release version เป็นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่ม  dependencies มาหลาย 100 รายการ และเริ่มพบ Proguard error แปลก ๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้
    Tip:
    มันขึ้นอยู่กับ workflow ของคุณ มันถือเป็นวิธีที่ดีในการพยายามสร้าง release version บ่อยครั้ง และไม่จำเป็นต้องรอเวลาหลายเดือนจน Project เสร็จ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทดสอบ Application ของคุณใน release mode และตรวจจับปัญหาได้อย่างง่ายดายในขณะที่ Code base ยังน้อยอยู่ แนวทางอีกอย่างหนึ่งคือ ดูกฎ Proguard ของ library เมื่อคุณกำลังเพิ่มมันลงใน Project ให้เพิ่มกฎที่จำเป็นสำหรับ library และมันควรใช้งานได้ดีกับ Proguard ด้วย

     
  3. เมื่อคุณพยายามปรับปรุง Code base ที่ไม่ได้เขียนด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ดี
    Tip:
    คุณสามารถอ่านได้จากที่นี่เพื่อแก้ปัญหาที่เจอ โดยปกติคุณเพียงดู Code เก่าและเขียนการ Test บางอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไรก่อนที่คุณจะเริ่ม refactoring และเชื่อเถอะ! ยกเว้นงานที่สำคัญมาก หรือ Project ส่วนตัว คุณคงไม่ต้องการสร้างใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นหรอก
  4. เมื่อคุณลืมอัพโหลดไฟล์ proguard mappings ไปยัง Firebase crash service และการ build ล่าสุดกำลังเริ่มมีปัญหากับ error ที่ทำให้คุณพบกับความยุ่งยากไปหมด
    Tip: คุณสามารถ set up project ของคุณเพื่อ upload ไฟล์ Proguard mappings ของคุณไปยัง Firebase crash service โดยอัตโนมัติ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
  5. เมื่อคุณ launch App ของคุณเป็นครั้งแรกใน Google Play Store แล้วมีคน download เพียงแค่ 50 ครั้งใน 3 เดือน
    Tip: สิ่งแรกเลยคือ คุณต้องสร้างสิ่งที่คนต้องการจริงๆ จากนั้นให้คุณทำการตลาดให้ดีมากที่สุด และเมื่อคุณ Elvis ทำ Project ที่ทำอยู่ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์ในเรื่องการสร้าง Android Apps series แล้ว เขาคิดว่า จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการสร้าง product ที่ผู้คนต้องการเปนเรื่องต่อไป ตัว App เองคงจะไม่สามารถนำเสนอตัวเองได้หรอก คุณอุตส่าห์ใช้เวลา 500 ชั่วโมงในการสร้างมัน แล้วคุณไม่คิดที่จะใช้เงินเพียงไม่กี่ดอลลาร์และเวลาสัก 100 ชั่วโมง เพื่อโปรโมทมันสักหน่อยเหรอ?
  6. เมื่อคุณกลับมาที่ Code เก่าที่คุณเขียนเมื่อ 3 เดือนก่อน
    Tip:
      มันก็เป็นสิ่งที่ดีและไม่ดี สำหรับสิ่งที่ดี ก็คือ คุณได้มีการพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้คุณจะเห็นถึงข้อผิดพลาดของคุณเอง แล้วส่วนที่ไม่ดีล่ะ? ที่จริงมันก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องซีเรียสมาก คุณพัฒนาตัวเองไปเพียงแค่ 3 เดือนเอง และส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ทำผิดพลาดในเรื่องเดิมๆ แล้วก็แค่นั้น
  7. เมื่อคุณกำลังพยายามสร้าง Project บน Android Studio โดยใช้เครื่องที่มี spec ต่ำ
    Tip:
      มี official tutorial เพื่อช่วยให้การสร้าง project ของคุณมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น
  8. เมื่อ App ของคุณมีปัญหาเฉพาะใน release mode และคุณไม่สามารถเข้าไปดู Logcat ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น
    Tip:
      วิธีแก้ปัญหาอย่างง่าย คือ ใช้ Crashlytics ในการรวบรวม crash reporter แล้วคุณจะสามารถเห็นปัญหาบน console/dashboard ได้ และมีบางที่ที่คุณควรดูด้วย อย่างการตรวจสอบ Proguard หรือ code ในส่วนของการ release มันเป็นการง่ายกว่าที่จะใช้ crash reporter ในการระบุปัญหา อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรปล่อย App ใดๆ โดยไม่ใช้ crash reporter tool
  9. รอ backend developers เพื่อให้พวกเขาทำ APIs ให้เสร็จ
    Tip: คุณสามารถขอโครงสร้างข้อมูล API จาก backend developers ได้ จากนั้นก็สร้าง product flavor จำลองขึ้นมาพร้อมกับ Data ที่จำลองขึ้นมาด้วย แม้บางครั้งวิธีนี้มันอาจไม่สำเร็จง่ายๆ อย่างที่คิด แต่คุณยังจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างเพื่อใช้ API ของจริง
  10. เมื่อ App คุณได้รับความสนใจบน Google Play Store
    Tip:
      คุณก็ร้องรำทำเพลงได้เลย เพราะคุณได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อสิ่งนี้ และตอนนี้มันก็ประสบความสำเร็จแล้ว

สุดท้ายนี้ ฝากไว้ว่า คุณไม่ควรไปโฟกัสผิดจุด หรือเสียค่าใช้จ่ายสูงๆ กับเรื่องอื่นๆ มากจนเกินไปโดยไม่จำเป็น พยายามสร้าง Application ที่ดีมีประโยชน์มากที่สุด เพื่อให้คนที่ใช้งาน เขารักและจดจำ App ของคุณได้

ที่มา: android.jlelse.eu

 

อัพเดทบทความจากคนวงในสายไอทีทาง LINE ก่อนใคร
อย่าลืมแอดไลน์ @techstarth เป็นเพื่อนนะคะ

 

เพิ่มเพื่อน

 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง